เกิดเหตุระทึกเมื่อเรือยอร์ชหรูของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเครื่องยนต์ขัดข้องกลางทะเลที่มีคลื่นลมแรง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเร่งลากกลับเข้าฝั่งโดยใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง
น.ส.บุญยรัตน์ วิทิพย์รอด อายุ 42 ปี ชาว อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.ต.อนุสรณ์ สมุทนกิติศักดิ์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า เรือยอร์ช ชื่อ “เลดี้แคทธลีน” ตัวเรือสีขาวแถบน้ำเงิน ของนักท่องเที่ยว 2 สามีภรรยาชาวอังกฤษ นำเรือออกจากริมฝั่งทะเลในพื้นที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.60 เพื่อมุ่งหน้าไปประเทศมาเลเซีย แต่เครื่องยนต์ขัดข้องลอยลำอยู่กลางทะเลท่ามกลางคลื่นลมแรง ซึ่งการติดต่อทราบพิกัดครั้งสุดท้ายจากจีพีเอส ว่า เรืออยู่บริเวณห่างจากฝั่งแม่น้ำปากพนังราว 35 ไมล์ทะเล
ต่อมา พ.ต.ต.อนุสรณ์ สมุทนกิติศักดิ์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำปากพนัง นำกำลังตำรวจน้ำ และชาวบ้านโครงการเพื่อนทะเลนำเรือออกไปช่วยเหลือเรือลำดังกล่าว ซึ่งต้องเดินทางนานกว่า 8 ชั่วโมง กระทั่งช่วงเย็นวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้เจอเรือยอร์ชลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นลมและสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำเชื่อไปผูกที่หัวเรือยอร์ชแล้วใช้เรือตำรวจน้ำชักลากเพื่อนำกลับเข้าฝั่งที่สถานีตำรวจน้ำปากพนัง แต่ต้องลากเรือไปได้อย่างล่าช้า เนื่องจากคลื่นลมแรงสูงประมาณ 1 เมตร และมีฝนตกตลอดเวลา
น.ส.บุญยรัตน์แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าทั้ง 2 คน เป็นนักท่องเที่ยวสามีภรรยา ทราบเพียงชื่อเล่นว่า “เจน” และ “ฟิว” ซึ่งเป็นเครือข่ายของ Samui see sport ได้นำเรือออกจากหาดขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 2 ธ.ค.60 กระทั่งผ่านไป 2 วันได้รับการประสานว่าเครื่องยนต์เรือเสียลอยอยู่กลางทะเลอ่าวไทย จนกระทั่งตำรวจน้ำสามารถเข้าให้การช่วยเหลือได้
พ.ต.ต.อนุสรณ์ สมุทนกิติศักดิ์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำปากพนังระบุว่า ฝรั่งชาวอังกฤษทั้ง 2 คน ทราบว่าเป็นนักธุรกิจ ได้ล่องเรือยอร์ชท่องเที่ยวไปทั่วโลก ซึ่งการออกช่วยเหลือต้องใช้เวลานานเพราะเป็นช่วงมรสุม มีคลื่นลมแรง และในตกในทะเล ซึ่งกว่าจะเข้าฝั่งได้ต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชม. สาเหตุที่ต้องลอยอยู่กลางทะเลพบว่าเครื่องยนต์ของเรือเสีย และสมอเรือก็ขัดข้อง แต่โชคดีที่ฝรั่งทั้ง 2 คนยังสามารถติดต่อภายนอกได้ ก่อนตำรวจน้ำจะออกไปช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้ทั้งคู่จะเข้าฝั่งราวช่วงตี 3 ของคืนนี้ซึ่งจะได้สอบถามใข้อมูลรายละเอียดอีกครั้ง