วันที่ 24 ก.พ.60 เวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี นางสุภาวดี บุญเจริญ อายุ 33 ปี ได้นำ นายเชิดชาย ม่วงแงว อายุ 39 ปี พี่ชาย มายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี กรณีที่ นายเชิดชาย ถูกตำรวจบ้านรุมทำร้ายในบ้าน โดยตำรวจบ้านคิดว่า พี่ชายตนเป็นคนร้ายเข้ามาก่อเหตุงัดบ้านจนพี่ชายได้รับบาดเจ็บกระดูกที่บริเวณจมูกหัก ตาซ้ายแดงช้ำและบวม หน้าอกมีบาดแผล และมีอาการปวดหลัง โดยได้นำใบตรวจอาการของแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี มาแสดงเป็นหลักฐาน
นายเชิดชาย ม่วงแงว ผู้บาดเจ็บ ให้ข้อมูลว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (23 ก.พ.) เวลาประมาณ 22.30 น. ขณะที่ตนอยู่ภายในบ้านของน้องสาวเพียงลำพัง ซึ่งตอนนั้นน้องสาวตนออกไปธุระนอกบ้านกับสามี ก็มีคนมาเคาะประตูหน้าบ้าน ตนได้เดินไปเปิดประตู พบกลุ่มชายแต่งกายคล้ายตำรวจ 3-5 คนบุกเข้ามาในบ้านและจับตัวตนไว้ โดยคิดว่าตนเป็นโจรเข้ามาในบ้านจึงเกิดการฉุดกระชากแต่สู้ไม่ไหวจึงล้มลง และโดนเตะเข้าที่ใบหน้าและจมูกหลายครั้ง จากนั้นก็ถูกจับใส่กุญแจมือและถูกกดที่บริเวณหลัง ซึ่งตอนที่เข้ามาจับตนนั้นบอกว่าไม่ใช่โจร และบอกว่าตนเป็นพี่ชายของเจ้าของบ้าน แต่กลุ่มตำรวจที่เข้ามาไม่ยอมฟัง หลังถูกทำร้ายร่างกายและใส่กุญแจมือ ตนจึงบอกเบอร์โทรศัพท์น้องสาวกับพวกที่มาจับตน ไปโทรไปหาและให้น้องของตนรีบกลับมาที่บ้าน จนน้องสาวตนกลับมาถึงบ้าน จึงได้เข้ามาบอกว่าตนเป็นพี่ชายจริง ทางตำรวจที่มาจับตนจึงยอมปล่อยตัว โดยบอกขอโทษเป็นการเข้าใจผิด
ต่อมา นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี ได้ประสานไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อติดต่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมารับทราบเรื่องราวที่มีประชาชนเข้ามาร้องเรียน ทราบว่ากลุ่มตำรวจที่เข้ามาทำร้ายร่างกาย นายเชิดชาย เป็นตำรวจอาสาประจำตำบลบ้านเลื่อม และให้ผู้รับผิดชอบเดินทางมาพบเพื่อไกล่เกลี่ย
พ.ต.ต.ชัชวาล ศรีบุญวงศ์ สวป.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย นายดาบตำรวจ ณัฐพงษ์ ศรีวิชา หัวหน้าเขตงานตำรวจประจำตำบลบ้านเลื่อม ได้มาขอโทษผู้เสียหาย บอกว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งมีคนร้ายงัดบ้านหลังดังกล่าว จึงสั่งให้ตำรวจอาสาไปยังที่เกิดเหตุ และเกิดความเข้าใจผิดว่า นายเชิดชาย เป็นคนร้ายจึงเข้าจับกุมตัวจนได้รับบาดเจ็บ จึงขอให้คนเจ็บและเจ้าของบ้านเข้าใจว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปทำร้ายแต่อย่างใด โดยจะขอรับผิดและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดเพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย
นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ทางผู้เสียหายไม่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มตำรวจอาสา เพียงแต่ต้องการร้องกับทางศูนย์ดำรงธรรมฯ ใช้ติดต่อตำรวจบ้านที่ก่อเหตุ ดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ที่ทราบว่าคนเจ็บที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรานี มีการอาการหนักเหมือนกัน ซึ่งได้แจ้งให้ทาง พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี รับทราบแล้ว