ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด! หญิงสาววัย 21 ปี แฉเจ้าอาวาสวัดดังเมืองเลย ใช้มนต์เสน่ห์ยานวดตัว 108 จบ จนไม่มีแรง ขึ้นคร่อมข่มขืนถึง 2 ครั้ง จนเพลีย ก่อนกลับไปนอนบนกุฏิเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังเกิดเหตุหญิงสาวคนดังกล่าว เข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรนาด้วง แต่ผ่านมา 1 เดือน คดีไม่คืบหน้า ล่าสุด เจ้าอาวาสวัดคนดังกล่าวโทรมาขอเจรจา และยอมรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งในอำเภอนาด้วง จังหวัดเลย ได้โทรมาหาหญิงสาววัย 21 ปี ที่ถูกข่มขืนคากุฏิ ถึง 2 ครั้ง โดยหญิงสาวคนดังกล่าว เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตนเองได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้ โดยเจ้าอาวาสวัดมาทักว่าตนสักลายมา โดนของต้องทำพิธีไล่ผีออกจากตัวในคืนนี้ จากนั้นเจ้าอาวาส ได้เอายาสมุนไพร 108 จบ มานวดตามร่างกาย โดยสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวภายในกุฏิจนเสร็จพิธี และรู้สึกตัวว่าไม่มีแรง จากนั้นเจ้าอาวาส ใช้กำลังปลุกปล้ำ ล็อกคอ เอามืออุดปาก และข่มขืนจนเสร็จ 1 ครั้ง ตนเองพยายามที่จะร้องตะโกนให้คนช่วย แต่ก็โดนอุดปากให้เงียบ
จากนั้นกระชากตัวพาไปอาบน้ำให้ และถูตามลำตัวให้ในสภาพที่ตนเองไม่แรงต่อสู้ จากนั้นได้พาไปที่กุฏิลงมือข่มขืนเป็นครั้งที่2 หลังข่มขืนเสร็จเจ้าอาวาสได้กลับไปนอนที่กุฏิเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังเกิดเหตุได้รีบโทรศัพท์หาญาติให้มารับกลับบ้าน และเข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรนาด้วง ก่อนทำหนังสือส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนาด้วง โดยแพทย์ได้ลงความเห็นว่ามีร่องรอยถูกข่มขืน และมีอสุจิภายในช่องคลอด
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้(14 ก.ย.61) เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ได้โทรมาหาผู้เสียหายอีก เพื่อเจรจา และยอมรับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าที่ทำลงไป เพราะมีผีปอบ และผีเปรตอยู่ในตัวของผู้เสียหายเยอะ จึงต้องปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากร่าง ซึ่งไม่เคยทำพิธีกับใครมาก่อน ที่ทำไปด้วยความหวังดี และต้องการช่วยเหลือ ซึ่งตัวเจ้าอาวาสเองก็ยอมรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ โดยมอบค่าทำขวัญให้ 3 หมื่นบาท และให้ไปถอนแจ้งความที่โรงพักนาด้วง ตอนเที่ยงวันนี้ โดยผู้เสียหายตกลงและนัดเจอที่หน้าโรงพัก จึงได้เดินทางไปพร้อมครอบครัว และแฟนหนุ่ม เมื่อไปถึงที่นัดหมาย เจ้าอาวาสดังกล่าว ได้โทรมาบอกว่าได้ส่งพระในวัดไปแทน เนื่องจากไม่สะดวกออกไป และให้เตรียมใบถอนแจ้งความไว้ด้วย แต่ในที่สุดก็ไม่พบตัว คาดว่ารู้ทันจึงหลบหนีไปก่อน
ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปหาเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง แต่ได้รับการปฏิเสธที่ไม่พูด พร้อมตัดสายทิ้ง และปิดมือถือไปนานกว่า 40 นาที จากนั้นเจ้าอาวาสท่านนี้จึงได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย เพื่อขอไกล่เกลี่ยให้จบเรื่อง และถอนแจ้งความ โดยขอนัดหมายเพื่อมอบเงินปลอมขวัญให้ 3 หมื่นบาท แต่ได้รับการปฏิเสธจากผู้เสียหาย ขอดำเนินคดีถึงที่สุด และนำหลักฐานเป็นข้อความที่แชทในไลน์ และคลิปเสียงเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเลย เนื่องจากเจ้าอาวาสท่านนี้มีลูกศิษย์จำนวนมาก และเป็นพระที่มีอิทธิพลพอสมควร กลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย และเข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรวังสะพุงแล้ว
ขณะที่ ร้อยตำรวจเอก เฉลียวเดช พิระธนากุล รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี กล่าวว่า คดีดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว เป็นคดีที่มีโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปี จึงได้ออกหมายเรียกไป จนเจ้าอาวาสวัดท่านนี้ ก็ได้มารับทราบข้อกล่าวหาในคดี “ข่มขืนอนาจาร ใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น” แต่ยังให้การปฏิเสธ จึงได้สอบปากคำปล่อยตัวไป เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และส่งหลักฐานตรวจดีเอ็นเอไปที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลพิสูจน์การตรวจดีเอ็นเอ ส่วนผู้ที่เสียหายบอกว่าล่าช้านั้น เนื่องจากยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดของการดำเนินคดีให้ผู้เสียหายทราบ