ความคืบหน้ากรณีหวย 30 ล้านบาทใน จ.กาญจนบุรี ล่าสุด ลุงจรูญเปิดบ้านให้สัมภาษณ์สื่อ ยอมรับเห็นใจตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายท่านที่ต้องเสียเวลาลงมาติดตามคดีนี้เพราะพฤติกรรมไม่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชาบางคน พร้อมฝากเตือนถึงทีมพยานฝั่ง “ครูปรีชา” ทำอะไรขอให้คิดดี ๆ หลังทนายและพยานบางส่วนเริ่มทยอยถอนตัว
วันนี้ (13 มี.ค.61) ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ได้เปิดบ้านให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บ้านพักของตัวเองเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาท โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามความคืบหน้าของคดีผ่านทางสื่อต่าง ๆ และทราบข่าวที่ทนายความของ “ครูปรีชา” รวมถึงพยานบางส่วนเริ่มที่จะถอนตัวจากคดี ซึ่งเรื่องนี้ตนมองว่า น่าจะเป็นเพราะผู้ที่ขอถอนตัวแต่ละคน น่าที่จะเริ่มรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ โดยส่วนตัวตนพร้อมที่จะให้อภัยกับคนที่ออกมาเป็นพยานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่หากคนไหนที่มีความผิดทางกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีไป ทั้งนี้ ตนอยากฝากไปถึงผู้ที่เป็นพยานหรือคิดจะมาเป็นพยานให้กับ “ครูปรีชา” ทั้งที่ไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์จริงว่า ขอให้คิดดีๆ เพราะเมื่อทำลงไปแล้วก็จะต้องรับให้ได้กับผลที่จะติดตามมา
ส่วนเรื่องของบุคคลชื่อ “แผน” ที่ออกมาให้ข่าวว่า ถูกตำรวจเปลี่ยนแปลงคำให้การณ์ว่าเป็นคนที่เห็น ร้อยตำรวจโทจรูญ ก้มเก็บลอตเตอรี่ได้ ทั้งที่ความจริงไม่ได้เห็นแต่อย่างใดนั้น ทางร้อยตำรวจโทจรูญ ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเรื่องนี้ เพราะไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารที่ตนใช้บริการเป็นประจำก็จะมีส่วนร่วมด้วย พร้อมกันนี้ ร้อยตำรวจโทจรูญ ได้กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา) และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์) ที่ต้องมาเสียเวลาในการกำกับดูแลคดีนี้ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติงานอย่างไม่ตรงไปตรงมาของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งหากมีการปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา เรื่องแบบนี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ร้อยตำรวจโทจรูญ ยอมรับว่ามีความพอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยพิสูจน์และสืบหาข้อเท็จจริงมาอย่างเต็มที่ ทำให้ขณะนี้หลักฐานหลายอย่าง รวมถึงความจริงของคดีเริ่มที่จะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งทนายความและพยานฝั่งตรงข้ามหลายคนก็เริ่มออกมาประกาศถอนตัวจากคดีแล้ว ขณะที่เรื่องของกระแสข่าวที่จะมีการกดดันให้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาญจนบุรี ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีนั้น โดยส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรและพร้อมที่จะให้อภัย แต่หากเป็นความผิดตามกฎหมายก็คงจะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนต่อไป