สำนักงานควบคุมโรคที่ 10 อุบลราชธานี เตือนสภาพอากาศร้อนจัดระวังโรคลมแดด พบผู้เสียชีวิตจากโรคลมร้อน 21 รายในช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย. ปีที่แล้ว ส่วนใหญ่เสียชีวิตในที่สาธารณะและเป็นผู้ประกอบอาชีพรับจ้างที่ต้องทำงาน
นางศุภศรัย สง่าวงศ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี (สคร.10) เปิดเผย ว่า “โรคลมแดด” เกิดจากการที่ร่างกายปรับตัวไม่ทันกับความร้อนที่เกิดขึ้น จนเกิดภาวะวิกฤต ปกติแล้วร่างกายของมนุษย์มีอุณหภูมิอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส แต่ถ้าร่างกายเผชิญกับอากาศที่ร้อนกว่านี้ และไม่สามารถปรับลดอุณหภูมิได้ อาจเกิดโรคลมแดดหรือ “ฮีทสโตรก” (Heat Stroke) ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบสมอง หากเป็นและได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะรักษาชีวิตไว้ได้ พร้อมลดความพิการ โดยผู้ป่วยจะมีอาการ คือ ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่า 40 องศาเซลเซียส หายใจเร็ว ไม่มีเหงื่อออก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ความดันต่ำ กระสับกระส่าย มึนงง ชักเกร็ง และหมดสติ
นางศุภศรัย กล่าวต่อไป ว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานระหว่างวันที่ 1 มี.ค. – 17 เม.ย.59 พบผู้เสียชีวิตจากโรคลมร้อน 21 คน เป็นชาย 20 คน หญิง 1 คน อายุระหว่าง 29-72 ปี ส่วนใหญ่เสียชีวิตในที่สาธารณะ และเป็นผู้ประกอบอาชีพรับจ้างที่ต้องทำงานกลางแดด และมีผู้เสียชีวิตถึง 8 คนที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงอากาศร้อน โดยกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคลมแดด 6 กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬา หรือฝึกทหาร โดยขาดการเตรียมตัวมาก่อน ผู้ใช้แรงงานกลางแดด เช่น กรรมกรก่อสร้าง เกษตรกร เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ , ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง , คนอ้วน , คนอดนอน และคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
สำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคลมแดดมี 5 ขั้นตอน ได้แก่ นำผู้มีอาการเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก เทน้ำเย็นราดลงบนตัวเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดยเร็วที่สุด ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ ไม่ควรใช้ผ้าเปียกคลุมตัว เพราะจะขัดขวางการระเหยของน้ำออกจากร่างกาย หลังจากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669
นางศุภศรัย กล่าวปิดท้ายด้วย ว่า ด้านการปฏิบัติตัวไม่ให้เป็นลมแดด ควรเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวด้านหลอดเลือดหรือหัวใจ หากจำเป็นให้กางร่มหรือใส่หมวก ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องรอหิวน้ำ ไม่ทิ้งเด็กเล็กหรือผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไว้ในรถที่จอดตากแดด เพราะอาจเสียชีวิตจากความร้อนได้ หากรู้สึกหิวน้ำมาก ตัวร้อนแต่เหงื่อไม่ออก หายใจถี่ ปากคอแห้ง อาจวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422