เกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนที่ จ.อุดรธานี ส่งผลให้เฒ่าอายุ 70 ปีถูกไฟครอกเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย ส่วนบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด 2 หลัง เจ้าหน้าที่คาดเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่ บ้านเลขที่ 92 บ.เชียงยืน ม.1 ต.เชียงยืน อ.เมือง อุดรธานี หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.สมโภชน์ ประจิตน์ รอง ผกก.หน.สภ.ห้วยหลวง , นายธีรภัทร ผิวสวัสดิ์ ปภ.อุดรธานี , นายวัชรินทร์ สุตลาวดี นายอำเภอเมืองอุดรธานี พร้อมรถดับเพลิง อบต.เชียงยืน , เทศบาลเมืองหนองสำโรง , เทศบาลนครอุดรธานี และจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง กว่า 10 คัน เจ้าหน้าที่มูลนิธิเมธาธรรมสถาน รุดที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูนถูกเพลิงไหม้ลุกลามทั้งหลังแล้ว จึงฉีดน้ำสกัดไม่ให้ลุกลามไปบ้านข้างเคียง แต่เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ไปยังบ้านข้างเคียงเจ้าหน้าที่เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิงไว้ได้ โดยเพลิงได้เผาบ้านเสียหายทั้งหมด 2 หลัง เสียหายบางส่วน 1 หลัง ใช้เวลาดับไฟประมาณ 40 นาที เพลิงจึงสงบ ในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ถูกไฟคลอกเสียชีวิตอยู่บริเวณระเบียงทางลงจากชั้น 2 ของบ้านต้นเพลิง ทราบชื่อนายสมชาย ด้วงสดี 70 ปี เจ้าของบ้านต้นเพลิง และมีผู้บาดเจ็บจากไฟลวก และช็อค 2 ราย หนึ่งในนั้นคือ นางดวงปรี ซุยสียา อายุ 67 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต อาสาสมัครมูลนิธิเมธาธรรม เข้าช่วยปฐมพยาบาล และนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี
ด้านนายบุญจันทร์ เฉลิมศิลป์ เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้หมดทั้งหลัง บอกว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงเหมือนสายไฟกำลังลุกไหม้ดัง มาจากบ้านนายสมชายที่เสียชีวิต จึงออกมาดูนอกบ้าน พบว่าไฟกำลังไหม้ที่บ้านนายสมชายฯ จากนั้นไม่ถึง 5 นาที ไฟได้ลามมาที่บ้านของตน ซึ่งตนรีบอุ้มลูกและนำของใช้บางส่วนออกมาจากบ้าน พร้อมโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นไฟได้ไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วมาที่บ้านของตนที่เป็นบ้านไม้ จนถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานเบื้องต้นว่า ต้นเพลิงคือบ้านผู้เสียชีวิต อาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในบ้านต้นเพลิง เนื่องจากบ้านมีสภาพเก่าและเป็นไม้เกือบทั้งหมด ซึ่งมีผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า ผู้เสียชีวิตเข้าไปสับคัตเอาท์ที่ชั้น 2 ของบ้าน แต่ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้เสียชีวิตที่มีอายุมากหนีออกมาไม่ทันถูกไฟคลอก จากนั้นไฟได้ไหม้ลุกลามออกไปยังบ้านข้างเคียงทั้ง 2 ด้าน จนถูกไฟไหม้เสียหาย โดยต้องรอให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้