ความคืบหน้าหลังเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาน้ำป่าจากพื้นที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ได้ทะลักมาตามลำห้วยโรคี่ก่อนจะเอ่อล้นท่วมสะพานทางเข้าหมู่บ้านสะเน่พ่อง จนชาวบ้านไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้และมีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมกว่า 200 หลังคาเรือน
สภาพพื้นที่ ม.2 บ้านสะเน่พ่อง, ม.3 บ้านเกาะสะเดิ่ง และ ม.6 บ้านจะแก ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี ตอนนี้ระดับน้ำสูงมากกว่า 1 เมตรไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน วัด และโรงเรียนในพื้นที่ ทำให้โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน ชาวบ้านไม่สามารถออกจากบ้านได้ ต้องอาศัยอยู่แต่บนชั้น 2 ของบ้านและขาดแคลนอาหารกับน้ำดื่ม ล่าสุด นายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไล่โว่ พร้อมคณะ ลงไปสำรวจจุดที่ได้รับความเสียหายโดยใช้เรือยางและเดินเท้า พร้อมนำความช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับชาวบ้านอย่างเร่งด่วน ซึ่งตอนนี้ได้ประสานขอความร่วมมือกับทางอำเภอสังขละบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า เพื่อนำเรือท้องแบนเข้าไปอพยพชาวบ้านที่ติดอยู่ตามบ้านเรือน ออกมาพักอาศัย ในวัด และองค์การบริหารส่วนตำบลไล่โว อย่างเร่งด่วนต่อไป
ฝนถล่มบ้านริมน้ำน่านดินสไลด์ทรุดตัว
ขณะที่ชาวบ้านบ้านวังว้า ต.ท่าวังผา อ.ท่าวังผา จ.น่าน ไปตรวจสอบสภาพบ้านของ นายปุ๊ด ไทยใหญ่ อายุ 63 ปีที่สร้างติดริมน้ำน่านได้เกิดดินทรุดตัว ทำให้รั้วบ้านที่สร้างด้วยปูนซีเมนต์แตกร้าวจนถล่มลง และตัวบ้านเริ่มเกิดรอยร้าวพร้อมที่จะถล่มลงมากอีก เนื่องจากเกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้ดินชุ่มน้ำแล้วสไลด์ไหลลงยังแม่น้ำน่าน
นายปุ๊ด ไทยใหญ่ เจ้าของบ้าน บอกว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมามีฝนตกตลอดเวลาทำให้กัดเซาะดินใต้รั้วบ้านจนทรุดตัวพังเสียหาย จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านและทางเจ้าหน้าที่อำเภอท่าวังผาทราบ โดยนำผ้าพลาสติกป้องกันไม่ให้ฝนชะล้างลงอีก โดยบ้านของตนเองปลูกสร้างอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำน่าน ซึ่งกังวลว่าหากฝนตกต่อเนื่อง ตัวบ้านอาจจะทรุดลงไปด้วยเช่นเดียวกับบ้านเรือนละแวกนั้นอีก 20 หลังคาเรือน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ อ.ท่าวังผา พร้อมด้วยเจ้าหน้
พนังกั้นลำน้ำยัง จ.ร้อยเอ็ด ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนความคืบหน้ากรณีพนังกั้นลำน้ำยังที่ชำรุด พื้นที่ระหว่าง บ้านท่าเยี่ยม – บ้านท่าทางเกวียน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ตอนนี้ดำเนินการซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว หลังใช้เวลากว่า 4 วันในการซ่อมแซม โดยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องใช้เสาเข็มตอกและท่อปูนทิ้งขวางทางน้ำ จากนั้นนำหินแกเบี้ยนปิดช่องทางที่ขาดเพื่อชะลอน้ำ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะใช้ชีทไพล์ปักตลอดแนวเพื่อให้น้ำไหลเข้าน้อยที่สุด ซึ่งหลังจากการปิดกั้นน้ำเสร็จสิ้น ทำให้น้ำไหลไปยังทางอื่น และนาข้าวที่ได้รับความเสียหายเริ่มโผล่ขึ้นมาให้เห็น จากเดิมที่เสียหายกว่า 15,000 ไร่ในพื้นที่ 7 ตำบลของ อ.เสลภูมิ ล่าสุด สำรวจความเสียหายลดลงเหลือ 3,000 ไร่เศษ
ซึ่งทางด้าน นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.ร้อยเอ็ด ได้ตั้งคณะทำงานและอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน ตรวจสอบพนังกั้นลำน้ำยังหลังการซ่อมแซม โดยตรวจสอบความแข็งแรงตลอดแนวกั้นน้ำหลาย 10 กิโลเมตร หากมีฝนตกระลอกใหม่และจุดไหนที่เสี่ยงต่อการกัดเซาะ ให้รีบแจ้งคณะทำงานโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์พนังกั้นน้ำถล่มซ้ำอีก