ทีมข่าวไบรท์ทีวียังเกาะติดความคืบหน้า กรณี นางทัศวรรณ สังวาลย์เพชร อายุ 32 ปี แม่ค้าขายเบเกอรี่ที่รับประทานยาสมุรไพรแผนโบราณเข้าไปจนเกิดการอักเสบที่ใบหน้า บวม เป็นแผลผุผอง ลิ้นชา ใบหน้าซีกซ้ายเหมือนเป็นอัมพาต และแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่สรุปว่าเกิดจากสาเหตุอะไรซึ่งรอการตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว ล่าสุด สามีของเธอถึงกับไม่พอใจเมื่อร้านยาคู่กรณีโทรศัพท์มาขอไกล่เกลี่ยวงเงิน 20,000 บาท ย้อนถามกลับไปเกิดไม่หายแล้วใครจะรับผิดชอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สาว32 ปี กินยาแผนโบราณหน้าพังยับใบหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีก
เย็นวันนี้ (10 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวไบรท์ทีวีเดินทางไปติดตามความคืบหน้าเหตุดังกล่าวที่ตึกร่มสุข ชั้น 2 โรงพยาบาลระยอง ที่ นางทัศวรรณ สังวาลย์เพชร อายุ 32 ปี แม่ค้าขายเบเกอรี่ รักษาตัวอยู่ในขณะนี้ ล่าสุด นายสุชาติ รอดทุ่ง อายุ 41 ปี สามีของ นางทัศวรรณ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ ลูกชายแพทย์แผนโบราณคนดังกล่าวได้โทรศัพท์มาขอไกล่เกลี่ยว่าจะช่วยเหลือในวงเงิน 2 หมื่นบาท แล้วขอให้จบเรื่องราว เนื่องจากกระแสข่าวที่ นางทัศวรรณ ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ทำให้ชื่อเสียงของร้านเขาต้องเสียหาย ซึ่งตนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงแต่ถามกลับไปว่าหากหมอวินิจฉัยว่าใบหน้าซีกซ้ายเป็นอัมพาตครึ่งซีกต้องใช้เวลาในการรักษา แล้วใครจะรับผิดชอบภรรยาและครอบครัวของตนเอง ที่มีกันอยู่ 3 คน คือ ภรรยา แม่ และตัวเอง ซึ่งทุกวันนี้ภรรยาเป็นเสาหลักของบ้าน เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สิ่งสำคัญคือหากใบหน้าของภรรยารักษาไม่หายจะทำอย่างไร สมมติว่า แฟนผมเอาขนมเค้กไปขายด้วยใบหน้าอย่างนี้ ใครจะกล้าซื้อ ส่วนตัวผมก็พิการขาด้านซ้ายใส่ขาเทียม มาพบเจอกับเหตุแบบนี้ บอกเลยรับไม่ได้ อนาคตแทบพัง ยังไม่รู้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร พร้อมกับขอให้เขามาเจรจาในบ่ายวันนี้ เพื่อให้เขาเห็นอาการภรรยาที่แท้จริงแต่ก็ยังไร้วี่แวว
ด้าน นางทัศวรรณ อาการยังคงเหมือนเดิมใบหน้าซีกซ้ายเหมือนเป็นอัมพาต มีแผลผุผองเป็นผื่นและตุ่มลุกลามเข้าไปที่ใบหูด้านซ้าย และเริ่มมีตุ่มเข้าไปที่ดวงตาด้านซ้ายที่มีน้ำตาไหลตลอดเวลาและตาซ้ายเริ่มปิด อาการยังหน้าเป็นห่วง โดยได้กล่าวว่า ตนเองขอยืนยันว่าก่อนที่จะรับประทานยาแผนโบราณหรือยาสมุนไพร ก็ได้แจ้งกับแพทย์แผนโบราณคนดังกล่าว ว่าตนมีโรคประจำตัวเป็นโรค SLE หรือโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง หรือภาษาชาวบ้านเรียก “โรคพุ่มพวง” ซึ่งหมอแผนโบราณคนดังกล่าวยังได้บอกกับตนว่ากินได้ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายตนต้องมีใบหน้าอย่างนี้ทำงานไม่ได้
นางทัศวรรณ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้ที่รักษาตัวอยู่ก็ใช้สิทธิ 30 บาท (บัตรทอง) ในการรักษาจึงอยากให้สังคมเข้าใจ เพราะตอนนี้ในหลายกระแสต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนมีโรคประจำตัวแล้วไปกินยาแผนโบราณทำไม ซึ่งตนก็แจ้งและถามกับแพทย์แผนโบราณแล้วเขาเป็นคนพูดเองว่าไม่มีผลข้างเคียงอะไร แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น พร้อมกันนี้ขอฝากถึงสังคมว่า ก่อนจะกินยาแผนโบราณคิดตรึกตรองให้ดี หรือไปหาแพทย์แผนปัจจุบันจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาเสี่ยงอย่างตน นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณไบรท์ทีวีช่อง 20 ที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับตนด้วย เพราะสิ่งที่ประสบอยู่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครด้วย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมข่าวได้ประสานไปยังสาธารณสุข จ.ระยอง พร้อมกับสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ระยอง ว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางสาธารณสุข จ.ระยอง ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ผลจะออกมาอย่างไรนั้นในส่วนนี้จะรายงานให้ทราบต่อไป