หลังจากเกิดกรณีสาวทอมรายหนึ่งพลาดท้องและเข้าแจ้งความตามหาลูก หลังถูกเกย์หนุ่มตีสนิทจนไว้ใจยอมให้เซ็นเป็นพ่อแต่สุดท้ายกลับขโมยเด็กหนีไปจนไม่สามารถติดต่อได้ ล่าสุด สาวทอมรายนี้ดีใจได้ลูกกลับคืนสู่อ้อมอกจากเกย์คู่ขาที่พาตัวไป และได้นัดนำมาคืนให้ที่ สภ. แก่งคอย จ.สระบุรี
วันนี้ (9 พ.ค.61) น.ส.วิสุดา สีหพงษ์ หรือ “ฟิว” อายุ 23 ปี (สาวทอม) ชาว กทม. พร้อมกลุ่มเพื่อน ๆ 5-6 คน เดินทางโดยรถตู้จากเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อมาขอรับ “ด.ช.น้ำเพชร” (นามสมมติ) อายุ 9 เดือน ตามที่ นายรัตนธรรม ธัมมะชัยยะมโนกุล หรือ “ฟิว” อายุ 32 ปี ชาว จ.พิจิตร เพื่อนชาย (เกย์) ที่พาตัวหายไปแล้วติดต่อไม่ได้ หลังเป็นข่าวอื้อฉาวได้นัดให้ น.ส.วิสุดา มารับตัวลูกชายคืนที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี
ทันทีที่ได้พบหน้าลูกชาย น.ส.วิสุดา ผู้เป็นแม่ได้ตรงเข้าไปรับตัวลูกออกจากมือ นายรตนธรรม เข้ามาจูบ และกอดไว้แนบอกด้วยความตื้นตันใจที่ได้ลูกกลับคืนโดยมีกลุ่มเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกันรุมล้อมแสดงความยินดี ท่ามกลางผู้สื่อข่าวและประชาชนที่มาติดต่อราชการบนโรงพักพากันให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
ภายหลังได้ตัวลูกชายคืนสู่อ้อมอก น.ส.วิสุดา เผชิญหน้าพูดคุยถามเหตุผลที่นำตัวลูกชายไปเลี้ยงดูแล้วขาดการติดต่อ และพยายามพาลูกชายหลบหนี ทำให้ตนเองต้องพยายามติดตามหา และในท้ายที่สุดต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.บางละมุง ชลบุรี และลงโซเชียลมีเดียให้ช่วยตามหาไม่เป็นไปตามข้อตกลงกันไว้
อย่างไรก็ตาม นายรัตนธรรม ไม่ขอออกความเห็นต่อหน้าผู้สื่อข่าว โดยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของตนกับ น.ส.วิสุดา เท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย ได้นำ นายรัตนธรรม กับ น.ส.วิสุดา เข้าสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ต่อมา นายรัตนธรรม ออกมาเปิดเผยโดยอ้างว่าเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากติดต่อกันไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ตนเองเสีย และเพิ่งมาทราบจากเพื่อน ๆ ที่เห็นในเฟซบุ๊กและข่าวติดตามหา “น้องน้ำเพชร” ทางโทรทัศน์ ตนจึงได้ใช้โทรศัพท์เพื่อนโทรติดต่อให้ น.ส.วิสุดา มารับลูกชายที่ สภ.แก่งคอย ในเช้าวันนี้ (9 พ.ค.61) เพราะตนเองได้มาทำงานและนำ “น้องน้ำเพชร” มาเลี้ยงดูอยู่ในพื้นที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นการพบกันครึ่งทาง
ด้าน น.ส.วิสุดา แม่ของ “น้องน้ำเพชร” กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้ลูกชายคืน ไม่ต้องการจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีใด ๆ กับ นายรัตนธรรม เพราะได้ลูกคืนแล้วแต่ยังข้องใจเหตุผลที่ นายรัตนธรรม นำตัวลูกชายไปที่ใดบ้าง และเหตุใดต้องย้ายที่อยู่ ปิดโทรศัพท์หนีตนเองด้วย อีกทั้งก่อนที่จะนัดให้ตนมารับลูกชาย ยังมีหญิงสาวอ้างเป็นน้องสาว นายรัตนธรรม โทร.แจ้งให้ตนทราบอีกว่า นายรัตนธรรม พาน้องแทนคุณไปต่างประเทศแล้ว ยิ่งทำให้ตนคลางแคลงใจในตัว นายรัตนธรรม มากขึ้นและจะให้ดำเนินคดีดีหรือไม่
น.ส.วิสุดา ยังเล่าถึงเรื่องราวเบื้องหลังของตนเองกับ นายรัตนธรรม ที่เกิดขึ้นและเป็นข่าวในเวลาต่อมา ว่า จุดเริ่มต้นมาจาก ตนเองทำงานอยู่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้พลาดท่าเพื่อนชายและตั้งตั้งครรภ์ขึ้น จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ทำให้ตนเองต้องอยู่เพียงลำพัง และอาศัยเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกันดูแล เมื่อตั้งท้องลูกชายได้ประมาณ 5 เดือน นายรัตนธรรม ได้แชทอินบ็อกซ์เข้ามา พูดคุยสอบถามแจ้งว่า ตนอยู่ในกลุ่มเพื่อนชายรักชายในลักษณะเป็นห่วง อยากเข้ามาดูแล จากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมาซึ่งขณะนั้น นายรัตนธรรม อ้างว่า ทำงานอยู่ที่ จ.นนทบุรี และได้เดินทางไป ๆ มา ๆ ที่เมืองพัทยาพบกัน มีความสนิทสนมให้การดูแลตนเป็นอย่างดี ทำให้ตนไว้ใจเชื่อใจในความเอื้ออาทร ที่มีกับตนในขณะที่ตั้งครรภ์จนครบกำคลอด นายรัตนธรรม จึงรับอาสาเซ็นรับรองบุตรให้ลูกชายใช้นามสกุล “ธัมมะชัยยะมะโนกุล” ของ นายรัตนธรรม ยิ่งทำให้ตนซึ้งใจในความดีของ นายรัตนธรรม มากขึ้น
น.ส.วิสุดา เล่าต่อว่า หลังตนแข็งแรงหลังคลอดกลับมาอยู่ห้องพักในเมืองพัทยาแล้ว นายรัตนธรรม ก็ติดตามมาดูแลอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน ก็พาตนเองกับลูกชายมาอยู่ที่หอพักใน จ.นนทบุรี ได้ประมาณ 1 เดือน เมื่อตนเองแข็งแรงดีแล้วจึงขอกลับไปทำงานที่เมืองพัทยาตามเดิม โดยนำลูกชายกลับไปเลี้ยงดูด้วยตนเอง โดยมีเพื่อน ๆ ที่ทำงานและแม่ของเพื่อนช่วยกันเลี้ยงดูในขณะที่ตนออกไปทำงานตอนกลางคืน ต่อมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย.61 นายรัตนธรรม ได้โทรศัพท์ติดต่อตนและแจ้งว่าจะขอรับ “น้องน้ำเพชร” มาเลี้ยงดูบ้าง หากตนไม่มีเวลาพอที่จะดูแล ในขณะใกล้สงกรานต์ แม่เพื่อน ๆ ที่เคยช่วยเลี้ยงดูน้องแทนคุณพากันกลับบ้านฉลองสงกรานต์กันหมด ประกอบกับความไว้เนื้อเชื่อใจที่ตนมีกับ นายรัตนธรรม จึงไม่ได้สงสัยอะไร แต่มีข้อตกลงกันก่อนที่จะรับลูกชายมาเลี้ยงดูว่า ต้องติดต่อกันได้ตลอดเวลาและเมื่อ นายรัตนธรรม รับลูกชายมาจากตนแล้ว ได้มีการติดต่อกันเรื่อมาตั้งแต่วันที่ 7-21 เม.ย.61 หลังจากนั้นก็ติดต่อ นายรัตนธรรม ไม่ได้อีกเลย
ด้วยความร้อนใจตนกับเพื่อน ๆ จึงติดตามมาที่หอพักย่านรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ที่นายรัตนธรรม เช่าอยู่ถึง 2 ครั้งก็ไม่พบ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ไว้ครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 3 พ.ค.61 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหา เมื่อกลับไปเมืองพัทยาเวลาล่วงเลยไปหลายวันยิ่งทำให้ตนร้อนใจมากขึ้นได้ปรึกษากับเพื่อน ๆ แล้วเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง เมื่อบ่ายวันที่ 8 พ.ค.61 ที่ผ่านมา และได้ลงเฟซบุ๊กช่วยตามหาอีกทางหนึ่ง จึงทำให้เพื่อน ๆ นายรัตนธรรม เห็นข่าวทางโซเชียลไปแจ้งให้ นายรัตนธรรม ทราบ และนัดแนะให้ตนเองมารับลูกชายที่ สภ.แก่งคอย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.กุญชร บุญศิริเภสัข พนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงนัดแนะกันนำ “น้องน้ำเพชร” มาส่งมอบตัวกันที่นี่ โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง กำลังเดินทางมารับตัว นายรัตนธรรม และ น.ส.วิสุดา พร้อมลูกชายไปที่ สภ.บางละมุง ส่วน น.ส.วิสุดา จะมีการดำเนินคดีกับ นายรัตนธรรม อย่างใดหรือไม่นั้น คงไปตกลงกันที่ สภ.บางละมุง ซึ่งเป็นสถานที่แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ตั้งแต่แรกนั่นเอง