ความคืบหน้าการตรวจยึดเงิน 38 ล้านบาท ขณะซุกซ่อนในรถยนต์ขนข้ามแดนไปยัง สปป.ลาว ที่ด่านจังหวัดหนองคาย ล่าสุดศุลกากรหนองคาย สอบสวนพบว่า 3 ผู้ต้องหา มีพฤติการณ์ เปิดรับแลกเปลี่ยนเงินผิดกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงนำเงินของกลาง ฝากเก็บที่ธนาคาร ก่อนยึดเข้าแผ่นดิน
ภาพธบัตรกว่า 38 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ได้นำไปฝากเก็บไว้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาหนองคาย เก็บรักษาไว้เป็นการชั่วคราว ระหว่างที่รอการดำเนินการให้คดีสิ้นสุด โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมกล่องบรรจุเงินนำส่งอย่างแน่นหนา หลังจากมีการตรวจยึดเงิน 38 ล้านบาท ขณะมีการลับลอบขึ้นเงินข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อตรวจสอบหาที่มา
นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย ระบุว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาชาว สปป.ลาวทั้ง 3 คน ทราบว่า ชายคนขับรถ เป็นเจ้าของเงิน 4 ล้านบาท, หญิงอีกคนหนึ่งเป็นเจ้าของเงิน 4 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลืออีก 30 ล้านบาทเป็นของหญิงสูงอายุชาว สปป.ลาว ซึ่งการสอบปากคำผู้ต้องหา มีเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส.เข้าร่วมสอบสวน หาเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือไม่ โดยข้อมูลที่ได้ขณะนี้ ไม่มีความเชื่อมโยงกับกระบวนการค้ายาเสพติด แต่เชื่อได้ว่าเป็นขบวนการค้าเงินส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผิดกฎหมาย คือ ผู้ต้องหารับซื้อเงินสกุลดอลลาร์ในอัตราแลกเปลี่ยนถูกกว่าสถาบันการเงิน แล้วนำมาแลกเปลี่ยนในประเทศไทย เพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง จากนั้นก็นำเงินกลับไป สปป.ลาว ด้วยการซุกซ่อนไว้ในรถ เพราะต้องการหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีรายได้ให้รัฐบาลลาวร้อยละ 30 จึงไม่เปิดรับแลกเปลี่ยนเงินให้ถูกกฎหมาย
ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ประกันตัว ตามอำนาจของ พ.ร.บ.ศุลกากรที่สามารถให้ประกันตัวได้ และได้เดินทางกลับ สปป.ลาวแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมต้องพร้อมเดินทางมาให้ปากคำทุกเมื่อ หากไม่มาก็จะถือว่าหลบหนีการประกันตัว ส่วนรถยนต์โตโยต้าคัมรี่ ที่ใช้ซ่อนเงินก็จะถูกยึดไว้ก่อน เบื้องต้นทราบว่าเป็นชื่อของอีกคนหนึ่ง ซึ่งต้องนำเอกสารมายืนยันกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
สำหรับการดำเนินการขั้นตอนต่อไป เมื่อผู้ต้องหายินยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร ก็จะนำเรื่องเสนอเข้าคณะกรรมการของกระทรวงการคลัง พิจารณาว่าจะยุติเรื่องตามที่ศุลกากรหนองคายเสนอไปหรือไม่ หากพิจารณาเห็นชอบก็จะได้ปรับเงินผู้ต้องหาคนละ 20,000 บาท และคืนเงินให้ตามสิทธิ์นำเงินเข้าออกประเทศได้คนละ 2 ล้านบาท ที่เหลืออีก 32 ล้านบาท ยึดเข้าคลัง ตามระเบียบของศุลกากร
จากข้อมูลขบวนการเหล่านี้รับแลกเปลี่ยนเงินผิดกฎหมายมีอยู่ 5 กลุ่ม ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม เป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มชาว สปป.ลาวที่ถูกจับ พร้อมเงิน 98 ล้านบาท เมื่อเดือนธันวาคม 2560 ซึ่งกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้หลบเลี่ยงนำเงินเข้าออกประเทศไทยไม่เกินครั้งละ 2 ล้านบาท ตามกฎหมาย จึงได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ตรวจสอบเชิงลึก