สภาเกษตรกรฯ หนุนร่าง พ.ร.บ.ข้าวฯ ฉบับ สนช. เสนอจัดสวัสดิการ-บำนาญชาวนา ให้รัฐบาลลงเงินประเดิมกองทุน 2 หมื่นล้านบาท ดันให้รัฐประกาศพื้นที่ปลูกข้าว 50,000 ไร่ขึ้นไปเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร สนับสนุนเทคโนโลยีช่วยเกษตรกร
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายสมศักดิ์ คุณเงิน ประธานคณะทำงานพิจารณาร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ….. สภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมคณะทำงานร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ….. เข้ายื่นความเห็นของสภาเกษตรกรต่อร่าง พ.ร.บ.ข้าว พ.ศ…. ณ ทำเนียบรัฐบาล
หลังการยื่นความเห็นฯ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาเกษตรกรแห่งชาติ และเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ควรเพิ่มเติม เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเห็นว่า ชาวนาควรมีกองทุนข้าวและชาวนา เพื่อสามารถนำเงินไปใช้ในการส่งเสริม ศึกษา วิจัยและพัฒนา และนำเงินมาใช้เหมือนสวัสดิการหรือบำนาญของชาวนาในอนาคตได้ด้วย โดยให้รัฐบาลประเดิมกองทุน 20,000 ล้านบาท แล้วตัดสัดส่วนค่าธรรมเนียมการส่งออกข้าวมาเป็นรายได้ รวมถึงนำเงินจากพระราชบัญญัติงบประมาณเข้ามาเสริม ก็จะทำให้กองทุนนี้เติบโต สร้างประโยชน์กลับคืนสู่ชาวนา พัฒนากระบวนการผลิตและพัฒนาข้าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า อีกประเด็นคือ ให้รัฐบาลประกาศพื้นที่ปลูกข้าว 50,000 ไร่ขึ้นไป เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร การปลูกข้าวและเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อให้การสนับสนุนในเชิงกายภาพโครงสร้าง เช่น แหล่งน้ำ ตลาดกลาง โรงสี ลานตาก ยุ้งฉาง โรงอบ โรงปุ๋ย เครื่องจักรกลการเกษตร เช่นเดียวกับภาครัฐทำเขตนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตส่งเสริมพิเศษทางธุรกิจเพราะชาวนาอายุปัจจุบันเฉลี่ย 50-60 ปี ในอนาคตคนชราเป็นชาวนา จำเป็นต้องมีเครื่องมือในการช่วยผ่อนแรง โดยเขตพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร การปลูกข้าวและเกษตรกรรมยั่งยืนต้องมีพระราชกฤษฎีกาประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในการปลูกข้าว มีเครื่องมือสนับสนุนให้เป็นชาวนา 4.0 มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี เป็นการช่วยแบ่งเบาลดภาระต้นทุนให้ชาวนาได้ด้วย
นอกจากนี้ คณะทำงานฯ เห็นว่าควรยกเลิกกฎหมายการค้าข้าว โดยร่าง พ.ร.บ.ข้าวฉบับสภาเกษตรกรแห่งชาติ นำเสนอนายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ข้าว ฉบับของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้ทันสถานการณ์และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้าน นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่สำรวจและการคาดการณ์ผลผลิตข้าวนาปี ปีเพาะปลูก 2561/62 เพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการผลผลิตข้าวตามแผนข้าวครบวงจรได้อย่างถูกต้อง ในพื้นที่แหล่งผลิต 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา และอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2561 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน (สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสมาคมโรงสีข้าวไทย) และภาคเกษตรกรร่วมลงพื้นที่ ว่า พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือประสบปัญหาภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วง ทำให้ต้นข้าวแห้งตาย ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เกษตรกรบางรายไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จึงคาดว่าปริมาณข้าวหอมมะลิปีเพาะปลูก 2561/62 จะลดลง สวนทางกับราคาข้าวที่สูงขึ้น ซึ่งอาจเกิดปัญหาการปลอมปนข้าวโดยนำข้าวสายพันธุ์อื่นมาผสมกับข้าวหอมมะลิ จึงขอให้เกษตรกรดูแลคุณภาพผลผลิตเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการปลอมปนข้าวในพื้นที่ นอกจากนี้ให้กลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสหลอกลวงเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ว่าจะรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูงกว่าท้องตลาด แล้วจ่ายเงินเพียงบางส่วนหรือจ่ายเงินเชื่อ อาจทำให้ถูกฉ้อโกงได้
ทั้งนี้ เกษตรกรที่จะขายข้าวเปลือกโปรดตรวจสอบราคา รับซื้อข้าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด สายด่วน 1569 ก่อนตัดสินใจขาย