หนุ่มช่างสัก โพสต์เฟซบุ๊คประจานอดีตแฟนหนุ่มของลูกค้าสาว ซึ่งพฤติกรรมสุดเถื่อน ควงปืนบุกง้อแฟนคาร้านสัก แต่ไม่เจอตัวแฟน สุดท้ายแผลงฤทธิ์พังร้าน ใช้ปืนข่มขู่เมียและลูกน้อย พร้อมทรัพย์ทั้งเงินสดและสร้อยทองคำหลบหนี
โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พัชรพณ หว่านพืช เจ้าของร้านสัก ซึ่งได้บอกเล่าเรื่องราวพฤติกรรมสุดเถื่อนของอดีตแฟนหนุ่มของลูกค้าสาว ที่ควงปืนบุกมาตามง้อแฟนสาว แต่ตามตัวแฟนสาวไม่เจอ จึงใช้ปืนทุบกระจกร้าน แถมข่มขู่ตนพร้อมเมียและลูกสาววัย 3 เดือน ก่อนจะชิงทรัพย์เป็นเงินสดและทองรูปพรรณจำนวนหนึ่งหลบหนีไป
โดยหลังเกิดเหตุ ทางเจ้าของร้านได้ไปแจ้งความและสามารถรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ผ่านมาหลายวัน คดีความยังไม่คืบหน้า ตำรวจยังไม่สามารถตามจับตัวผู้ก่อเหตุได้ ทางเจ้าของร้าน จึงนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์บนโลกออนไลน์ เพื่อขอให้มีพลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแสของคนร้าย ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมป่าเถื่อน แถมก่อเหตุกลางวันแสกๆ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ที่สำคัญเจ้าของร้านมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า คนร้ายเป็นใคร แต่ตำรวจกลับยังไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้
หลังทราบเรื่อง ทีมข่าวไบรท์นิวส์ ได้ลงพื้นที่ไปพบนายพัชรพณ หว่านพืช อายุ 23 ปี เจ้าของร้านสักที่เกิดเหตุ โดยนายพัชรพณ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560 ช่วงเวลาประมาณ 14.30 นาฬิกา ที่ร้านสักของตน ภายในซอยโรงเจตลาดท่าม่วง หมู่ 2 ตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง พร้อมชี้ให้ดูร่องรอยของกระจกประตูบานเลื่อนของทางร้าน ที่ถูกผู้ก่อเหตุใช้ปืนทุบจนแตก ก่อนจะบุกเข้ามาภายในร้านพร้อมเพื่อนชายร่วมก่อเหตุอีกหนึ่งคน เพื่อตามหาตัวอดีตแฟนสาวที่มาใช้บริการที่ร้าน แต่อดีตแฟนสาวที่เห็นผู้ก่อเหตุถือปืนมา ได้วิ่งไปล็อกประตู ก่อนวิ่งหนีขึ้นชั้นบนและวิ่งหนีออกทางระเบียงไปก่อนแล้ว หลังพังประตูเข้ามาได้ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นชายลักษณะขาเป๋ ใส่หมวกปิดบังผมที่สั้นเกรียนและไม่มีคิ้วคล้ายคนเพิ่งสึกออกมาใหม่ๆ ได้จ่อปืนมาที่นายพัชรพณ พร้อมถามหาอดีตแฟนสาวที่หนีออกไปแล้ว โดยมีเพื่อนของผู้ก่อเหตุอีกคนคอยยืนคุมเชิงอยู่ เมื่อนายพัชรพณไม่ยอมบอก
ชายคนดังกล่าวจึงเดินขึ้นไปบนชั้นสองของร้าน และได้พบภรรยาเจ้าของร้าน โดยภรรยาของเจ้าของร้านสัก เล่าเหตุการณ์ว่า ช่วงเกิดเหตุกำลังนอนกล่อมลูกสาวอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงกระจกแตกที่ด้านล่างจึงตกใจและเดินออกมาดู ก่อนพบผู้ก่อเหตุเดินขึ้นมาชั้นบนและใช้ปืนจ่อพร้อมถามหาอดีตแฟนสาว ก่อนจะค้นห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าต่างๆ โดยที่ปืนในมือแกว่งไปมาน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง หลังค้นอย่างละเอียดแต่ไม่พบอดีตแฟน ผู้ก่อเหตุและเพื่อนได้กลับมาที่ชั้นล่าง พร้อมหยิบกระเป๋าของอดีตแฟน รวมถึงกระเป๋าเงินของเจ้าของร้านและสร้อยข้อเท้าทองของลูกเจ้าของร้านน้ำหนักครึ่งสลึงจำนวนสองเส้นและรีบขับรถหลบหนีไป โดยทางภรรยาของตน กล่าวว่า ตนกลัวมาก เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีปืนและยังแกว่งปืนไปมา ตนเกรงจะเกิดอันตรายกับสามีและลูกน้อย
ด้านนางสาวมิน (นามสมมติ) อายุ 29 ปี อดีตแฟนสาวของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า วันเกิดเหตุ ได้เดินทางมาที่ร้านเพื่อเตรียมจะสักลายภาพสวยงาม แต่เหลือบไปเห็นรถคล้ายรถของอดีตสามีที่เลิกรากันไปนานกว่า 2 เดือนแล้ว จึงจะเดินออกไปดูและโทรศัพท์ถามคนรู้จักให้แน่ใจ เนื่องจากทราบข่าวว่าช่วงดังกล่าว อดีตสามีไปบวชอยู่ แต่เมื่อเดินถึงประตูร้าน ก็เห็นอดีตสามีเดินมาโดยมีปืนอยู่ในมือ ตนรีบตัดสินใจล็อกประตูร้าน วิ่งหนีขึ้นชั้นบนและกระโดดออกทางระเบียงร้าน วิ่งไปตามหลังคาบ้านข้างๆ และไปแอบอยู่ที่ด้านหลังบ้านหลังหนึ่ง ทำให้หนีรอดมาได้ หลังเกิดเหตุ ตนและเจ้าของร้านได้เข้าแจ้งความจับอดีตสามีของตน แต่หลังจากเวลาผ่านไปหลายวัน ตำรวจก็ยังไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุ ทำให้ตนต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง เพราะกลัวผู้ก่อเหตุย้อนกลับมาทำร้าย เนื่องจากอดีตสามีตนมีนิสัยขี้โมโห และเมื่อโมโหจะชอบใช้กัง ทำร้ายร่างกายตน ทำให้ตนทนไม่ได้และขอเลิก แต่อดีตสามีก็ตามง้อขอคืนดีบ่อยครั้ง กระทั่งเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ซึ่งวันเกิดเหตุ ตนกลัวมาก หากถูกจับได้คิดว่าน่าจะถูกยิงเสียชีวิตอย่างแน่นอน ตนจึงอยากวอนขอให้ตำรวจช่วยติดตามตัวอดีตสามีมาโดยเร็ว เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการก่อเหตุที่ป่าเถื่อนและอุกอาจ ก่อเหตุในช่วงกลางวันแสกๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
พันตำรวจเอกภัคภณ เล็กท่าไม้ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าม่วง กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุให้มาพบแล้ว แต่หากถึงกำหนดยังไม่มาพบ ก็จะดำเนินการออกหมายจับและติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป