หนุ่ม ม.ปลาย ลูกชายนายแพทย์คนหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ใจร้อนชักปืนขู่คู่กรณีแม่ลูกขับเบียดกัน ก่อนแม่พาพบตำรวจแจงเป็นบีบีกัน ล่าสุดยอมรับผิดที่ สภ.แม่ปิง ส่วนตำรวจปรับข้อหาข่มขู่ 500 บาท
ปัญหาการกระทบกระทั่งจากการใช้รถบนท้องถนนยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดวานนี้ (28 พ.ค.) มีผู้เสียหายเป็นหญิงชาวต่างชาติเข้าแจ้งความที่ สภ.แม่ปิง อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ว่าถูกชายวัยรุ่นขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีแดง ทะเบียน กง 113 เชียงใหม่ ใช้อาวุธปืนข่มขู่ขณะขับรถเข้าไปที่ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เพราะไม่พอใจที่ถูกขับรถเบียดกันระหว่างกำลังออกจาก โดยชายดังกล่าวเปิดกระจก ถือปืนพกสั้นชูขึ้นฟ้าในลักษณะข่มขู่ สร้างความหวาดกลัวให้กับตนเองและลูกอีก 2 คนที่นั่งมาในรถ
หลังได้รับร้องเรียนชุดสืบสวน สภ.แม่ปิง ได้ตรวจสอบภาพเลขทะเบียนรถที่ผู้เสียหายถ่ายมาได้ พบว่ามีชื่อผู้ครอบครองเป็นนายแพทย์คนหนึ่ง และเป็นหนึ่งในทีมการเมืองของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วน จ.เชียงใหม่ จึงติดต่อเพื่อขอทราบรายละเอียด ทำให้ทราบว่าในวันเกิดเหตุบุตรชายของนายแพทย์คนดังกล่าว ซึ่งเรียนอยู่ระดับมัธยมปลายของโรงเรียนชื่อดังใน จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ขับขี่ พร้อมยอมรับว่ามีการข่มขู่จริง แต่เป็นปืนบีบีกัน
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (29 พ.ค.60) หนุ่มวัยรุ่นอายุ 17 ปี พร้อมกับมารดา ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ที่ สภ.แม่ปิง พร้อมนำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาให้ตรวจสอบ โดยยอมรับว่าเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวในช่วงเกิดเหตุและเล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถคันดังกล่าวดังกล่าวไปเที่ยวศูนย์การค้าที่เกิดเหตุ ระหว่างที่กำลังขับรถอยู่ รถยนต์คู่กรณีได้ขับปาดหน้า ด้วยความโมโหจึงได้หยิบปืนบีบีกันชูขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ก่อนจะขับรถไปตามปกติ มาทราบภายหลังว่ามีการแจ้งตำรวจ จึงเดินทางเข้ามาพบเพื่อชี้แจงพร้อมทั้งขอโทดทางผู้เสียหายกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น
หลังสอบสวนเสร็จเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีข้อหาข่มขู่ทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว เป็นคดีลหุโทษมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392 พร้อมเปรียบเทียบปรับ 500 บาท ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ได้ว่ากล่าวตักเตือนเพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำ
พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ระบุว่า ที่ผ่านมามีคดีทีเกิดขึ้นเพราะความใจร้อนจาการใช้รถ ทั้งการใช้กำลังและการข่มขู่หลายครั้ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของความสูญเสียที่เกิดขึ้นตามมา จึงขอให้ทุกคนมีสติในการขับขี่บนท้องถนนเพื่อลดปัญหาและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น