หลอนถ้วนหน้าทั้งหมู่บ้าน เมื่อมีการเผาศพชายคนหนึ่งไปแล้วแต่ปรากฏว่าตัวจริงกลับมาบอกยังไม่ตายวอนขอชีวิตคืน ซึ่งหมายถึงให้ทางราชการแก้ข้อมูลว่ายังมีชีวิตอยู่ พร้อมบอกว่าไปทำงานบนเรือประมงแล้วโดนชาวเมียนมาแย่งบัตรประชาชนไปและทางราชการระบุเสียชีวิตแล้วทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ยืนยันเป็นตัวจริงเตรียมไปพบนายอำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อหาทางแก้ไขช่วยเหลือโดยด่วน
นายสาคร สาชีวะ อายุ 44 ปี ตัวจริงเสียงจริงเดินทางมาที่หมู่บ้านเหล่าฝ้าย ต.เหล่ากวาง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังจากเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่า นายสาคร ถูกทางราชการระบุว่าเสียชีวิตแล้วทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังจากไปทำงานบนเรือประมงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นานกว่า 1 ปี และเมื่อกลับมาถึงบ้านปรากฏว่า ญาติพี่น้องประกอบพิธีฌาปนกิจศพชายคนหนึ่งที่ทางราชการระบุว่าเป็นศพของ นายสาคร และได้ทำบุญนำเอาอัฐิเข้าไว้ในเจดีย์เรียบร้อยแล้ว
นายเจริญ เหล็กดี นักการภารโรง โรงเรียนบ้านเหล่าฝ้าย ซึ่งเป็นพี่เขยของ นายสาคร เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากภรรยาซึ่งเป็นพี่สาวของ นายสาคร ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลนางเลิ้ง โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ไปรับศพของ นายสาคร ที่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เนื่องจาก นายสาคร เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในทางเดินอาหารที่ห้องพักภายในถนนปรินายก ซอย 6 แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ดังนั้น ตนพร้อมด้วยบรรดาญาติพี่น้อง ได้จ้างรถยนต์รับจ้าง จำนวน 10,000 บาท ไปรับศพของ นายสาคร โดยได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นไปติดต่อขอรับศพ นายสาคร ที่คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล โดยมีหนังสือรับรองการตายของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ลงวันที่ 21 พ.ค. และมีใบมรณบัตร สำนักทะเบียนท้องถิ่น เขตพระนคร เลขที่ 01-10014331 ตามคำร้องที่ 5203/2560
ด้าน นายนครชัย พิมพ์กลาง ระบุว่า ขณะที่ไปรับศพ นายสาคร นั้น ตนเองและญาติพี่น้องขอดูศพแต่เจ้าหน้าที่เปิดศพให้ดูแค่หน้าอก ซึ่งพบว่าศพเริ่มบวมขึ้นอืดแล้ว แต่ที่ผิดสังเกตคือ ฟันของศพจะยื่นออกมาซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงที่ นายสาคร จะมีฟันหลอบริเวณฟันด้านหน้า ซึ่งตนได้แจ้งความผิดสังเกตนี้ให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ศพตายหลายวันแล้วเริ่มบวมขึ้นอืดให้รับออกไปได้ ตนเองกับญาติพี่น้องจึงได้รับศพของ นายสาคร กลับมาทำบุญที่บ้าน เมื่อวันที่ 22 พ.ค. และได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล 3 วัน จากนั้นทำการฌาปนกิจศพที่วัดบ้านเหล่าฝ้าย และนำอัฐิเข้าบรรจุในเจดีย์เรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ธันวาคม นี่เอง นายสาคร ตัวจริงเดินทางกลับมาที่บ้านเหล่าฝ้าย ซึ่งตนเองและญาติพี่น้องตื่นตกใจมาก เพราะคาดไม่ถึงว่าทำบุญเผาศพ นายสาคร ไปแล้วแต่ นายสาคร กลับมาที่บ้านอีก ก็เลยเมื่อเข้าไปจับตัวของ นายสาคร จึงรู้ว่าเป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่ผี เลยแจ้งให้กับทาง นายวีระศักดิ์ แม่นทอง ผู้ใหญ่บ้านเหล่าฝ้าย รับทราบและได้มาพบกับ นายสาคร ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านรู้จักกันเป็นอย่างดีและยืนยันว่าเป็นนายสาครตัวจริง ดังนั้นทางผู้ใหญ่บ้านจะนำตัว นายสาคร ไปพบกับนายอำเภอโนนคูณ เพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ทราบเพื่อขอให้พิจารณาให้การช่วยเหลือ นายสาคร เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายสาคร สาชีวะ ตัวจริงเสียงจริงที่ญาติพี่น้องเข้าใจว่าตายไปแล้ว กล่าวว่า ได้ออกจากบ้านไปทำงานบนเรือประมงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ 24 มกราคม 59 และระหว่างที่ทำงานอยู่ในเรือประมงนั้น มีชายชาวเมียนมาคนหนึ่งที่ทำงานบนเรือประมงด้วยกันแย่งเอาบัตรประชาชนของตนเองไป ซึ่งตนพยายามแย่งเอาบัตรประชาชนคืนแล้วแต่ว่าไม่สามารถจะเอาบัตรประชาชนของตนคืนจากชายชาวพม่าได้ และชายชาวเมียนมาได้ขึ้นจากเรือประมงหนีไป จากนั้น ตนได้ไปแจ้งความบัตรประชาชนหายและขอทำบัตรประชาชนใหม่ที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นก็ไปทำงานอยู่บนเรือประมงนานประมาณ 1 ปี 2 เดือน จึงได้เดินทางกลับมาบ้านและพบว่า มีการเผาศพของชายไม่ทราบชื่อซึ่งเข้าใจว่าเป็นศพของตนไปแล้ว ตนเองก็เลยขอร้องทุกข์ขอชีวิตคืนให้ตนด้วย เพราะว่า ยังไม่ได้ตายจริง ๆ แต่ตามหลักฐานทะเบียนราษฎร์ได้ระบุว่าได้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา