อ่างสะเทือน! รองปลัดยุติธรรม เผย ขยายผลฟอกเงินคดีค้ามนุษย์อาบอบนวด “วิคตอเรียซีเครท” พบเส้นทางการเงินพัวพัน 40 บุคคล
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ชี้แจงถึงการขยายผลสอบสวนคดีค้ามนุษย์ของสถานอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ซึ่งมีธุรกรรมการเงินกู้ จำนวน 300 ล้านบาท เชื่อมโยงระหว่างนายกำพล วีระเทพสุภรณ์ เจ้าของวิคตอเรียซีเครท กับพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ดำเนินคดีอาญานายกำพล กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการสอบสวนเสร็จสิ้น และสรุปสำนวนการสอบสวน พร้อมความเห็นส่งพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
ส่วนการขยายผลตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงอันน่าเชื่อว่า นายกำพล นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายฟอกเงินไปดำเนินการ เปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน เพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของเงินดังกล่าว รวมทั้งกระทำด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อปกปิดอำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มาซึ่งทรัพย์สิน หรือยักย้าย ถ่ายเท จำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินดังกล่าว ไปยังบุคคลประมาณ 40 ราย นั้น ซึ่งทางดีเอสไอ ได้แยกการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนถึงพฤติการณ์ในการโอน รับโอนเงิน ว่ามีมูลหนี้หรือที่มาอย่างไร มีลักษณะที่เข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่ รวมทั้งมีการสอบสวนสถาบันการเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อทราบข้อเท็จจริง ซึ่ง พลตำรวจเอก สมยศ ก็ถูกดีเอสไอเชิญมาสอบปากคำด้วย ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากมีธุรกรรมการเงินจำนวนมากต้องตรวจสอบ
ด้านพันตำรวจโท สุภัทร์ ธรรมธนารักษ์ ผู้อำนวยการกองคดีค้ามนุษย์ กล่าวว่า หลังการสรุปสำนวนสั่งฟ้องคดีค้ามนุษย์ และคดีค้าประเวณี ซึ่งเป็นความผิดหลักในชั้นสอบสวน ดีเอสไอ ได้อายัดทรัพย์ไว้ประมาณ 400 ล้านบาท หลังจากนี้ จะตรวจสอบรายการทรัพย์สินของกลางกับรายการอายัดทรัพย์ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เพื่อไม่ให้มีการอายัดซ้ำกัน นอกจากนี้ จะเร่งดำเนินการกับทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นเอเยนต์นำเด็กหญิงเข้ามาค้าประเวณีในสถานประกอบการต่างๆ แยกชุดสอบสวนเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในการจับกุม และดำเนินคดีค้ามนุษย์กับสถานอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ทำให้เจ้าของอาบอบนวดที่เคยคิดว่าไม่ต้องร่วมรับผิด เพราะไม่เกี่ยวข้องกับการสั่งนำเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มาค้าประเวณีต้องคิดใหม่ เพราะการกระทำผิดในคดีค้ามนุษย์ต้องถูกยึดทรัพย์ ไม่ว่าจะเอาคนสวน คนขับรถ หรือนอมินีมาถือหุ้นแทน เมื่อพบหลักฐานเชื่อมโยงทางการเงินสุดท้ายก็ต้องถูกยึดทรัพย์ด้วยเช่นกัน
