อาจารย์รัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ชี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สูงจนแตะต้องไม่ได้ เป็นปัญหา ไม่สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับประเด็น พระรพุทธรูปอุลตร้าแมน ผ่านเฟซบุ๊ก Kasian Tejapira ความว่า
“การลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ (sacrilege)” ว่าด้วยการที่มนุษย์ถือเอาสิ่งต่างๆ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยกไว้สูงจนแตะต้องอะไรไม่ได้ไม่ว่าในทางใดๆ ซึ่งพบได้มากในสังคมไทย เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาเพราะจะทำให้สิ่งเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ดังนี้
“ประเด็นหลักประเด็นหนึ่งที่ Steven Lukes นักสังคมวิทยาชาวอังกฤษเสนอไว้ใน การิทัตผจญภัย บทตอนว่าด้วย ชุมชนนคร (Communnitaria) ก็คือปัญหาการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ sacrilege เขาชี้ผ่านนิยายว่าในปริมณฑลที่ถูกถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในทางการเมืองวัฒนธรรมนั้น (the cultural political sacred) การตีความโดยผู้เสพสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม (audience interpretation or perception) มักถูกให้ค่าสำคัญชี้ขาดเหนือกว่า เจตนาของผู้ประดิษฐ์ (authorial intention)”
“ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทำนองนี้ ประดิษฐกรรมทางวัฒนธรรมซึ่งแหวกขนบทางวัฒนธรรมที่เคยมีมา แม้จะมีเจตนาเพื่อยกย่องสรรเสริญสดุดีก็ตามที มักถูกตีความไปในทางลบทางร้ายว่าละเมิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอ เพราะมันแตกต่างออกไปจากขนบการยกย่องสรรเสริญสดุดีอันเป็นที่คุ้นชินของสังคมหนึ่งๆ และพอประดิษฐกรรมนั้นปรากฏต่อสาธารณชน ความแปลกแหวกแนวของมันก็จะทำให้มันถูกตราหน้ากล่าวหาแทบจะทันทีโดยอัตโนมัติว่าลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิไยว่าผู้ประดิษฐ์คิดสร้างจะมีเจตนาดีอย่างไรก็ตาม”
“ปรากฏการณ์ทำนองนี้มีมากและบ่อยเป็นประจำในสังคมไทย ซึ่งสะท้อนว่าขนบการเสพรับประดิษฐกรรมทางวัฒนธรรมของไทยเรา ยึดติดกับขนบจารีตมาก ยอมรับการพลิกผันปรับแปรแหวกแนวน้อย (very conservative) ยึดติดอำนาจเป็นที่พึ่งมาก ใช้ข้อมูลความรู้และความพยายามในการเข้าใจและเห็นอกเห็นใจน้อย (highly authoritarian) การเขียนถึงเอ่ยอ้างถึงหรือแม้แต่ยกย่องสรรเสริญสดุดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ห้ามท้า ห้ามถาม ห้ามละเมิด) จึงต้องยึดขนบจารีตเป็นสรณะและกรอบความเป็นไปได้ ถึงจะปลอดภัย หากล้ำเส้นขนบจารีตสถาปนา (established tradition/custom) ไปแล้ว ก็เสี่ยงต่อการถูกตราหน้ากล่าวหาอย่างร้ายแรงทันทีจากระเบียบอำนาจสถาปนา (the Establishment)”
“ผลของมันก็คือขนบจารีตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสังคมไทยมีลักษณะยึดติดกับรูปแบบอย่างคับแคบขึงตึงตายตัว ยากแก่การริเริ่มสร้างใหม่ (ตรงข้ามกับพื้นที่สาธารณ์ อย่างเช่น ธุรกิจ บันเทิง ฯลฯ ซึ่งยกย่องให้ค่าการริเริ่มสร้างใหม่แหวกแนว) และทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของไทยปรับแปรรับปัญหาอุปสรรคใหม่ ๆ ของสังคมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงได้ยาก และมีประโยชน์ใช้สอยจริงสำหรับคนรุ่นใหม่ในการแก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนน้อยลงทุกที จนอาจประสบวิกฤตที่จะอยู่ในภาวะไม่สอดคล้องเข้าเรื่อง (irrelevance) กับสภาพปัญหาแห่งยุคสมัยอีกต่อไป”
หลังจากนั้น ศ.ดร.เกษียร ได้แต่งกลอน ถึงกรณีดังกล่าวว่า
อนิจจังแห่งขนบ
“โลกนี้แคบคับกับนักคิด
นอกขนบคือผิดทุกสถาน
ศรัทธาบีบใจให้ร้าวราน
หักปีกจินตนาการลงจมดิน
น้ำตาที่รี่ไหลใช่ชี้ผิด
ซับแล้วฟื้นคืนสิทธิ์การโผผิน
อำนาจอันเย็นชาเป็นอาจินต์
ใดใดในโลกภินทนาการ”
อ่านข่าว Bright Today