เกาะติด ภารกิจการค้นหานักฟุตบอลและโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ แม่สาย ที่เข้าไปติดอยู่ในถ้าหลวง-ขุนน้ำเขานางนอน จังหวัดเชียงราย ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะพบตัว ทั้ง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำ แต่การดำเนินการค้นหาเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังหลายฝ่าย หลายหน่วยงานทั่วประเทศก็ได้เดินทางไปช่วยเหลือ แต่สิ่งที่น่าจะมีหวังที่สุด นอกจากทีมหน่วยซีล และมนุษย์กบตำรวจ ที่จะพยายามเข้าไปทางปากถ้ำแล้ว เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมีความคืบหน้า หลังจากเจ้าหน้าที่พบปล่อง อยู่บนเขา ซึ่งมีความลึก ทะลุไปถึงในถ้ำ
นี่คือภาพปล่อง ที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 25 นายได้เดินสำรวจจนพบว่าปล่องนี้อยู่บริเวณดอยผาหมี ซึ่งเป็นเขาอยู่บนเหลือถ้ำ มีความกล้างประมาณ 1 เมตร ลึกประมาณ 90 เมตร โดยหนึ่งในทีมกู้ภัยให้สัมภาษณ์ผ่านทางเพซบุ๊ค PR.ประชาสัมพันธ์ เชียงราย ที่ไลฟ์สดในการติดตามเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ตชด. ขึ้นฮอลิคอปเตอร์ ไปตรวจสอบ โดยกู้ภัยคนนี้กล่าวว่า พบปล่องดังกล่าว จึงโรยตัวลงไป แต่เชือกที่นำไปเพียง 50 เมตร ยาวไม่พอที่จะลงไปสุดได้ ดังนั้นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำได้คือ เอาห่ออาหาร ที่ประกอบด้วยขนมขบเคี้ยว และน้ำดื่ม 13 ชุด โยนลงไปในพิ้นถ้ำ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ภายข้างใต้นั้นเป็นน้ำหรือพื้นถ้ำ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหมด ได้เดินทางกลับมาแจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์บัญชาการร่วม ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ขึ้นเครื่องบินของกองบินตำรวจ ไปตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาวางแผนอีกครั้ง
โดยเพียงไม่กี่นาทีต่อมา พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ตอนนี้อยู่หว่างประสานงาน ให้หน่วยซีลวางแผนในการดำเนินงานเข้าไป โดยระบุว่าจะต้องให้เจ้าหน้าที่บินสำรวจก่อน ว่าควรจะดำเนินการโดยวิธีใด ซึ่งมีสองวิธี คือการหาพื้นที่เอาเครื่องลง หรือจะเป็นการโรยตัวลงไปในพื้นที่ หรือแม้กระทั้งเดินเท้าเข้าไป ซึ่งจุดที่พบปล่อง ทางภูมิศาสตร์แล้ว เป็นจุดใกล้เคียงกับจุดที่หน่วยซีล พยายามเข้าไป และเป็นจุดที่คาดว่าทั้ง 13 ชีวิต ติดอยู่ในนั้น
ในขณะที่การดำเนินการส่วนอื่นๆ นั้น ทางด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังเผยอีกว่า ทางด้านหน่วยซีลยังคงดำเนินการตามแผน เพื่อพยายามเข้าพื้นที่ ตามเป้าหมายต่อไป
ในส่วนการติดตั้งเครื่องสูบ ขณะได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำครบตามจุด ที่วางเอาไว้แล้ว เหลือเพียงการเดินสายไฟเพื่อเชื่อมเข้ากับเครื่องสูบน้ำ ถ้าแล้วเสร็จก็จะดำเนินตามแผนต่อไป ซึ่งการสูบน้ำออก ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการรับน้ำหนีักน้ำจำนวนมาก เครื่องไม่สามารถทำที่เดียวได้ จึงต้องระบายออกมาเป็นระยะ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างสะดวก
ในขณะที่อุปกรณ์การช่วยเหลือ และสนับสนุนในขณะนี้มีจำนวนมาก พอสมควรอีกทั้งจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เข้ามาสมทบ ทั้ง กำลังทหาร มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช และมณฑลทหารบกที่ 34 ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช จ.พะเยา เข้าเดินเท้าและค้นหาบริเวณรอบถ้ำหลวง และอำนวนความสะดวกในเรื่องอื่นๆ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน ก็ได้จัดกำลังเดินเท้า ในพื้นที่ป่าดอยผาหมี และพื้นที่ใกล้เคียงหาทางเข้าถ้ำ เพิ่มเติมอีกหน่วยหนึ่งด้วย
ขณะที่รายงานล่าสุดทราบว่า ทางกองทัพเรือได้ส่งกำลังหน่วยซีลเข้าช่วยค้นหาเพิ่ม อีก 27 นาย และในส่วนของกองบังคับการตำรวจน้ำน้ำ ได้ส่งมนุษย์กบตำรวจมาสนับสนุนการค้นหาอีกจำนวน 20 นายเข้าช่วยเหลือในครั้งนี้
นอกจากนี้ ได้มีกลุ่ม ชุดปฎิบัติภาระกิจยานขับเคลื่อนใต้น้ำชนิดใช้สายควบคุม (REMOTELY OPERATED VEHICLE : ROV) โครงการพัฒนายานขับเคลื่อนใต้น้ำชนิดใช้สายควบคุม ชุดปฏิบัติงานเครื่องบินไร้คนขับหรือโดน จากบริษัทเอกชน เข้าสนับสนุนในพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย โดยทีมงานทั้งหมด ได้ขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศ ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง แล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลัง พลอากาศเอก ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้รับกการประสานให้เข้าช่วบเหลือเรื่องการลำเรียงอุปกรณ์
โดย ดร. สว่างทิตย์ กล่าวว่า วันนี้ทีมงาน และนักศึกษาทีมวิจัย 14 คน ไปเป็นทีมสนับสนุนช่วยเหลือทีมเจ้าหน้าที่ดำน้ำที่เข้าไปช่วยเหลือน้องๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทวิจัยแห่งหนึ่งจำนวน 2 ตัว ที่ทำหน้าที่ในการสำรวจทางอากาศ 1 ตัว และสามารถดำน้ำได้ 1 ตัว ซึ่งมีความสามารถในการตรวจจับความร้อนได้ สามารถแยกแยะอุณหภูมิระหว่างสิ่งมีชีวิตที่เป็น คน,สัตว์ ,ต้นไม้ และอื่นๆได้
ส่วนที่2 คือ ยานสำรวจใต้น้ำเป็นการส่งสัญญาณโซน่า ที่จะใช้ส่งสัญญาณสำรวจเส้นทางว่า ถ้ำมีขนาดความกว้างความลึกเท่าใด หรือมีสิ่งกีดขว้างหรือไม่ เพื่อที่จะช่วยสำรวจเส้นทางให้แก่นักประดาน้ำ แต่ตัวเครื่องจะไม่สามารถตรวจจับคลื่นชีวิตได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งกล้องจับภาพเพิ่มเติมเข้าไปแทนเพื่อไว้จับภาพสิ่งมีชีวิต
ด้าน นาย สว่างทิตย์ ศรีกิจสุวรรณ หัวหน้าชุดปฎิบัติภารกิจศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมอวกาศและทะเล สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เปิดเผยว่า หุ่นยนต์ดำน้ำ สามารถสำรวจความลึกของถ้ำ เพื่อช่วยหาเส้นทางให้นักปะดาน้ำเข้าไปช่วยเหลือด้านในของถ้ำ พร้อมติดตั้งระบบโซน่าสามารถสร้างแผนที่ของถ้ำได้ มีระบบตรวจจับวัตถุสามารถทำงานในน้ำขุ่นระบุพิกัดในการเจอวัตถุได้ ทั้งนี้หลังจากเดินทางถึงถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนจะใช้เวลาติดตั้งอุปกรณ์ประมาณ 45 นาที จึงสามารถเริ่มการค้นหาได้
ส่วน นายปาลวัฒน์ ประทุมวงษ์ หัวหน้าทีมโดรน เปิดเผยว่า ในส่วนของโดรนจะบินเก็บภาพพื้นที่ของถ้ำด้านนอกทั้งหมด และใช้กล้องจับความร้อนในการหากลุ่มความร้อน นำข้อมูลมาทำแผนที่เพื่อนำไปวางแผนต่อในการช่วยเหลือต่อไป