เจ้าของเรือชี้ไม่รู้เห็น 2 นักดำน้ำยิงปลาในทะเล

มาดูเรื่องของคลิปจากเฟซบุ๊กที่มีนักดำน้ำมากับเรือท่องเที่ยวโอ๊ตไดรฟ์วิ่ง เข้ามายิงปลาภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร และตำหนิพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวดังกล่าวที่ไร้จิตสำนึก จนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ตรวจสอบพบว่าเป็นความจริงและแจ้งความกับตำรวจภูธรปากน้ำชุมพร ติดตามนักดำน้ำและเจ้าของเรือมาดำเนินคดี ล่าสุด เจ้าของเรือที่นำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำและยิงปลาในเขตอุทยานฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

นางวิยะดา จันทร์เพ็ญ นำเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับเรือ “โอ๊ตไดฟ์วิ่ง” ทะเบียน 4422 00616 ที่ปรากฏในภาพข่าว มาแสดงต่อรุดเข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปากน้ำชุมพร เจ้าของคดี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีหมายเรียก ซึ่ง นางวิยะดา บอกว่า เรือโอ๊ตไดฟ์วิ่ง ทะเบียน 4422 00616 ที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นเรือของตนเองจริง จดทะเบียนมีใบคุมเรือถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างจากนายทะเบียนกรมเจ้าท่า และเรือลำดังกล่าว นายบำรุง จันทร์เพ็ญ ซึ่งเป็นสามี นำไปจดใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศน์สาขาภาคกลาง เขต 3 ของกรมการท่องเที่ยว โดยใช้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า “ธวัชชัยไดร์ฟวิ่ง”

นางวิยะดา ยอมรับว่า เป็นเจ้าของเรือ “โอ๊ตไดฟ์วิ่ง” ทะเบียน 4422 00616 ตามที่เป็นข่าว โดยเรือลำดังนี้จดทะเบียน มีใบคุมเรือถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างจากนายทะเบียนกรมเจ้าท่า  และเรือลำดังกล่าว นายบำรุง จันทร์เพ็ญ ซึ่งเป็นสามีของตน ได้นำไปจดใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศน์สาขาภาคกลาง เขต 3 ของกรมการท่องเที่ยว  โดยได้ใบอนุญาตเลขที่ 13/02360 ระบุประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 ประเภทเฉพาะพื้นที่ โดยใช้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า “ธวัชชัยไดร์ฟวิ่ง”

นางวิยะดา กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.61) มีนักท่องเที่ยว 2 คนมาเช่าเรือ “โอ๊ตไดฟ์วิ่ง” ทะเบียน 4422 00616 เพื่อออกไปดำน้ำดูปะการัง โดยมีสามีของตัวเอง (นายบำรุง) เป็นนายท้าย ควบคุมเรือลำดังกล่าวออกไปด้วยตนเอง ส่วนสามีจะนำนักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำที่ไหนนั้นยังไม่ทราบ และไม่รู้ด้วยว่านักท่องเที่ยวที่เช่าเรือออกไปนั้นไปก่อเหตุอะไรบ้างจนเป็นข่าวคึกโครมในขณะนี้ จึงตัดสินใจเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับตำรวจ เนื่องจากเป็นเจ้าของเรือและไม่รู้เห็นในการกระทำของนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนแต่อย่างใด 

นางวิยะดา ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนนักท่องเที่ยวที่ดำน้ำแล้วไปยิงปลาในเขตอุทยานฯ นั้น ตนก็ให้พนักงานสอบสวน ต้องสอบปากคำจาก นายบำรุง สามีของตนเองซึ่งขณะนี้มีทีมนักวิจัยได้เช่าเหมาเรืออีกลำเป็นเวลา 3 วัน เพื่อไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรสัตว์น้ำ และจะกลับเข้ามาอีก 2 วันข้างหน้า

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว จ.ชุมพร เข้าร่วมสอบปากคำและตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับเรือประกอบการท่องเที่ยว และตรวจสอบใบประกันภัยคุ้มครองนักท่องเที่ยว ว่าถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าไม่มีก็จะร่วมลงบันทึกฟ้องร้องเอาผิดกับผู้ประกอบการรายนี้ต่อไป