จากกรณี นายจีระพันธุ์ สัมฤทธิ์ วัย 52 ปี พา ด.ช.บอย วัย 14 ปี ไปทำบัตรประชาชน แต่เกิดเหตุประหลาดใจขึ้นเมื่อทางอำเภอ บอกว่าไม่สามารถทำได้ ต้องให้ผู้ให้กำเนิดเซ็นรับรองให้ทำบัตรประชาชน และเซ็นยกให้ ด.ช.บอย เป็นบุตรบุญธรรมของครอบครัวตนเสียก่อน นายจีระพันธุ์จึงกลับไปถาม นางโบ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นภรรยาจนได้รู้ความจริงว่า นางโบไปเอาลูกของคนอื่นมาเลี้ยง แต่ปิดบังความจริงไว้เพราะกลัวตนจะรังเกียจเด็ก ตนจึงเดินทางมาให้ นางปวีณา หงสกุล ตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงนั้น
ล่าสุด นางปวีณา ได้พานายจีระพันธุ์ และ ด.ช.บอย เดินทางไปพบพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงแล้วที่ จ.สกลนคร และในวินาทีที่นางสมจิตร์ สมบูรณ์ทรัพย์ กับนายเสงี่ยม ยะพลหา พ่อแม่ที่แท้จริงของ ด.ช.บอย เห็นด.ช.บอย เข้า ก็ร่ำไห้วิ่งเข้ามาสวมกอดลูกชายด้วยความดีใจ ก่อนจะมีการพูดคุยถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้
ด้าน นางสมจิตร์ แม่ที่แท้จริง เล่าว่า ตนและสามีมีอาชีพทำงานก่อสร้าง อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต โดยหลังคลอด ด.ช.บอย นางโบก็ได้แวะเวียนมาหาเกือบทุกวัน ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พร้อมกับเอ่ยปากขอ ด.ช.บอย ไปเลี้ยง เนื่องจากไม่มีลูก ซึ่งตนก็เห็นว่า นางโบ มีฐานะดีกว่า ถ้าลูกอยู่กับตน คงต้องอยู่แบบลำบากอดๆยากๆ เพราะเงินที่หามาได้ก็แทบไม่พอจะใช้แล้ว จึงตัดสินใจกับสามียก ด.ช.บอย ให้ไป โดยไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ และที่ผ่านมาตนก็อยากเจอลูกมากๆเพราะคิดถึง แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะไม่สามารถติดต่อได้ แต่พอมาเจอเห็นลูกชายเติบโตและอยู่กับคนดี ที่รักลูกมาก ตนก็รู้สึกอดดีใจไม่ได้
ทางด้าน นายจีระพันธุ์ พ่อบุญธรรม ก็ขอเล่าว่า ถึงแม้จะทราบความจริงแล้ว แต่ตนก็ไม่ได้รัก ด.ช.บอย น้อยลงเลย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ซึ่งตนดีใจมากที่ได้มาทำทุกอย่างให้ถูกต้อง และยินดีเสมอที่จะให้พ่อแม่ของ ด.ช.บอย ได้พบเจอหรือติดต่อ โดยหลังจากนี้ ตนตั้งใจจะพาลูกไปสมัครเรียนต่อ เพราะหลังจากที่เกิดเรื่อง ลูกชายมีอาการเครียดและอาย ไม่กล้าไปโรงเรียนจนต้องหยุดเรียนไปหลายเดือนแล้ว