วันที่ 23 ก.พ.60 เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.อุบล เกตุแก้วเจริญ อายุ 53 ปี ว่า เมื่อช่วง 04.00 น. ของวันนี้ เกิดเหตุคนร้ายแอบเข้ามาโจรกรรมทรัพย์สินจากภายในกระเป๋า ในขณะที่กำลังมานอนเฝ้าไข้ผู้เป็นบิดา คือ นายสวง เกตุแก้วเจริญ อายุ 91 ปี ที่นอนป่วยอยู่ภายในห้องไอซียู ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา มีทรัพย์สินสูญหายเป็นโทรศัพท์มือถือมูลค่าประมาณ 5 พันบาท พร้อมด้วยเงินธนบัตรสะสมสมัยเก่าตั้งแต่ในช่วงยุคต้นรัชกาลที่ 9 อีกจำนวนหลายใบ ตลอดจนธนบัตรของต่างประเทศที่ได้เก็บสะสมเอาไว้เป็นที่ระลึก ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ที่ใช้สำหรับใส่โทรศัพท์มือถือเอาไว้ และใส่เอาไว้ภายในกระเป๋าถืออีกชั้นหนึ่ง
ในขณะที่คนร้ายเดินเข้ามายังบริเวณพื้นที่พักญาติของผู้ป่วยนั้น เป็นช่วงที่ตนกำลังนอนหลับอยู่พอดี จนมาได้ยินเสียงคนที่มานอนเฝ้าไข้ด้วยกันพูดกันถึงเรื่องมีบุคคลภายนอกแปลกปลอมเข้ามายังภายในบริเวณจุดพักญาติ จึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาดู และพบว่ากระเป๋าถือนั้นได้เคลื่อนย้ายที่ออกมาจากที่บริเวณหัวนอน และพบว่าทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวได้หายไป แต่คนร้ายไม่ได้เอากระเป๋าเงินอีกใบหนึ่ง ที่ตนใช้สำหรับใส่เงินเอาไว้จับจ่ายใช้สอยเนื่องจากได้แยกเก็บเอาไว้คนละกระเป๋า และเอาสะพายนอนกอดทับไว้ด้วย จึงได้สูญเสียเงินที่อุตส่าห์เก็บสะสมเอาไว้มานานหลายปีไปจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยโทรศัพท์มือเท่านั้น
หลังเกิดเหตุจึงได้โทรศัพท์แจ้งเหตุไปยังหมายเลข 191 ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจาก สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เดินทางมาพบภายในเวลาเพียง 10 นาที ก่อนที่จะนำพาเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ศิษฎ์ พูลวงศ์ รองสารวัตรสอบสวนเวร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งก็ขอชื่นชมว่า ตำรวจบริการประชาชนได้เป็นอย่างดีและรวดเร็วทันใจมาก ทั้งที่ทรัพย์สินที่สูญหายไปมูลค่าจะไม่มากนักก็ตาม น.ส.อุบล กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการชี้แจงจากทางตัวแทนฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลแห่งดังกล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้ทำการแจ้งประกาศเตือนผ่านเสียงตามสายแก่ทางญาติของผู้ป่วยมาเป็นระยะ โดยตลอดแล้วว่า ให้ระมัดระวังทรัพย์สินมีค่าที่นำติดตัวมาเอาไว้โดยตลอด นอกจากนี้ ปกติทางโรงพยาบาลยังไม่อนุญาตให้ทางญาติของผู้ป่วยที่มานอนพักรักษาตัวอยู่ภายในห้องไอซียู มานอนเฝ้าไข้อีกด้วย
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร รพ.ดังกล่าวระบุว่า เป็นเพียงสถานที่พักญาติเพื่อรอเยี่ยมไข้เท่านั้น โดยหากทางญาติของผู้ป่วยเองประสงค์จะใช้หลับนอนทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ห้าม นอกจากนี้ทาง รพ. ก็ยังได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัยเอาไว้หลายแห่งตามอาคารหลังดังกล่าว ซึ่งจะได้ให้ทางญาติผู้ป่วยที่เสียหายหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปดูได้เท่านั้นแต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไป