กรณีโศกนาฏกรรมเรือท่องเที่ยว “ฟีนิกซ์” ถูกคลื่นลมมรสุมซัดล่มกลางทะเลบริเวณเกาะเฮ จ.ภูเก็ต ซึ่งทาง จ.ภูเก็ต ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 33 ราย และสูญหายอีก 23 คน ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะติดอยู่ภายในเรือ “ฟีนิกซ์” โดยเช้าวันนี้ (7 ก.ค.61) ผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต วางแผนเร่งค้นหาผู้สูญหาย พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ ประสานและอำนวยความสะดวกผู้ที่ได้รับผลกระทบ และญาติของผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตที่จะเดินทางจากต่างประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานอื่น ๆ เดินทางไปค้นหายังจุดเกิดเหตุที่เรือ “ฟินิกซ์” จมลง
วันนี้ (7 ก.ค.61) เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (หรือหน่วยซีล) ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยจากที่ต่าง ๆ พร้อมทั้งสื่อมวลชนเกือบ 100 คน ร่วมลงเรือหลวงหัวหิน เรือหลวงปันหยี เเละเรือไดรฟ์วิ่ง Freedom Dolphin ออกจากท่าเทียบเรือศูนย์วิจัยฯ บ้านแหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุเรือ “ฟินิกซ์” ถูกคลื่นจม ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ในทะเลทางทิศใต้ของเกาะเฮ ห่างจากเกาะไปประมาณ 1.5 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 2.8 กิโลเมตร จากการค้นหาขณะนี้พบว่าเรือจมอยู่ทางทิศใต้ของเกาะเฮ ความลึก 30-40 เมตร
สำหรับแนวทางดำเนินการทางน้ำนั้น นักประดาน้ำจะเร่งค้นหาศพที่คาดว่าจะติดอยู่ในห้องเรือ และทำการกู้ศพผู้เสียชีวิตขึ้นมาทั้งหมดก่อนจะทำการกู้เรือในภายหลัง ขณะเดียวกันนอกจากเรือหลวงหัวหินเเละอีก 2 ลำที่ปฎิบัติการเเล้ว ในวันนี้มีเรืออื่น ๆ อีกหลายลำที่ร่วมค้นหาทั้งของกองทัพเรือ เช่น เรือ ต.232 เรือต.992 เรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำ เรือของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอีก 2 ลำ รวมทั้งเรือของผู้ประกอบการภาคเอกชน ร่วมลาดตะเวนค้นหาในบริเวณใกล้เคียง ส่วนทางอากาศก็ยังมีเฮลิคอปเตอร์บินลาดตระเวนค้นหาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามจากข้อมูลสรุปตัวเลขผู้ประสบเหตุเรือฟินิกส์ ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา จากทั้งหมด 105 คน รอดชีวิต 49 คน มีผู้เสียชีวิตจำนวน 33 ราย และผู้สูญหาย 23 ราย
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าตรู่ (7 ก.ค.61 เวลา 06.30 น.) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ร.ต.เจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมวางแผนการดำเนินงานค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือ “ฟีนิกซ์” ล่มกลางทะเล บริเวณเกาะเฮ จ.ภูเก็ต โดยตั้งคณะทำงาน 7 คณะ เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะทำงานชุดค้นหา พิสูจน์อัตลักษณ์ เยียวยา การประชาสัมพันธ์ และการประสานงานกับญาติ เพื่อให้มีการทำงานอย่างเป็นระบบ
ที่สำคัญได้เน้นการพิสูจน์อัตลักษณ์ตัวบุคคลของผู้เสียชีวิตจำนวน 33 ราย ที่จะดำเนินการที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเท่านั้น พร้อมทั้งได้ประสานกับญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตที่กำลังทยอยเดินทางมาจากประเทศจีน เพื่อมาติดต่อขอรับศพ ซึ่งในส่วนนี้สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จ.ภูเก็ต มีหน้าที่จัดเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ณ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พร้อมจัดทำทะเบียนผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตให้มีความชัดเจนต่อไป
ในส่วนของแนวทางการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนนับจากวันนี้เป็นต้นไป ทางจังหวัดจะกำหนดการแถลงข่าวความคืบหน้าเป็นรอบห้วงเวลา คือ กำหนดในช่วงเที่ยงและช่วงเย็น หรือช่วงที่มีข้อมูลที่มีความสำคัญ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารมีความเป็นเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ภูเก็ต จะเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับพี่น้องสื่อมวลชนทุกแขนง
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า ยังคงห้ามเรือออกจากฝั่งเพื่ออำนวยให้เกิดประสิทธิภาพในการค้นหาผู้สูญหาย โดยออกประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ที่ 19/2561 เรื่อง ห้ามเรือออกจากฝั่ง ซึ่งให้งดเรือทุกลำออกจากท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง โดยเด็ดขาดในวันที่ 7 กรกฎาคม 2561 เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศูนย์บัญชาการเหตุช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จังหวัดภูเก็ต
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ติดตามงานการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 33 ศพเหยื่อเรือล่ม
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประสานงานอุบัติเหตุฉุกเฉินโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อช่วงเช้าววันนี้ (7 ก.ค.61 เวลา 09.20 น.) โดยกล่าวสรุปสถานการณ์ เหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ณ เช้าวันนี้ ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 33 ราย สูญหาย 23 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บที่ส่งเข้ามารักษามีทั้งสิ้น 53 คน แต่ที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มีจำนวน 13 ราย ประกอบด้วย โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 10 ราย และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 3 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิตหลังทราบเหตุเรือล่ม โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้ตั้งศูนย์ประสานงานอุบัติเหตุฉุกเฉินตั้งแต่เวลา 19.00 น. และมีการปฏิบัติงานมาโดยตลอด สำหรับศพผู้เสียชีวิต 33 ราย ได้มีการชันสูตรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และวันนี้ทางนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ได้ส่งทีมมาช่วยในการพิสูจน์อัตลักษณ์จำนวน 4 ทีม ซึ่งสามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตได้จำนวน 8 รายในเวลา 1 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องของการพิสูจน์อัตลักษณ์ต่าง ๆ ของผู้เสียชีวิตทั้ง 33 ราย ซึ่งจะรีบทำให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ และหลังการพิสูจน์เสร็จสิ้น ทางโรงพยาบาลจะออกใบมรณบัตรให้กับญาติผู้เสียชีวิตต่อไป
ส่วนเรื่องการจัดเก็บศพผู้เสียชีวิต โรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต สามารถเก็บได้ 20 กว่าศพ และ ณ เวลานี้ ได้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาเสริม และเรายังได้รับบริจาคเพิ่มมาในเรื่องของโลงเย็นอีกประมาณ 20 โรงเย็น ซึ่งมีเพียงพอในการรองรับศพผู้เสียชีวิต หลังจากพิสูจน์อัตลักษณ์เรียบร้อยก็จะกระจายไปเก็บตามโรงพยาบาลต่างๆ ขณะที่การติดต่อรับศพของญาติ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการ One Stop Service ของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ญาติสามารถมาตรวจพิสูจน์เพิ่มเติม ซึ่งทางโงพยาบาล จะเป็นผู้ประสานงานในเรื่องต่าง ๆ ให้ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้มีทางด้านตำรวจท่องเที่ยวส่งทีมมาช่วยเหลือที่ศูนย์ประสานงานฯ
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กของสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 5 ได้โพสต์ภาพประชาสัมพันธ์ต้องการด่วนที่สุด คือ ล่ามภาษาจีน ที่จะให้ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กับผู้สื่อข่าวจากประเทศจีน นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต (ททท.ภูเก็ต) ร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต (PTA) ประชาสัมพันธ์ทั้งภาษาไทย และภาษาจีน ตั้งจุดประสานงานล่ามจีนที่เคาน์เตอร์สมาคม PTA ณ สนามบินภูเก็ต ขาเข้า ฝั่ง Domestic เพื่อประสานงานรับครอบครัวผู้ประสบภัยที่เดินทางจากประเทศจีน มายังโรงแรมที่พักหรือโรงพยาบาลในพื้นที่ตามความประสงค์ของแต่ละราย