เปิดใจ!ยายวัย 62 และลูกชาย หลังสามีถูกเพื่อนบ้านยิงเสียชีวิต 20 ปีก่อนต้องอยู่ทุกข์ทรมานทั้งกายใจ เพราะสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ระบุทำใจไม่ได้ปล่อยบ้านที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทิ้งร้าง เผยกังวลผู้ก่อเหตุจะลอยนวลไม่ได้รับโทษเพราะเหลือวันเดียวจะสิ้นสุดคดี แต่ยังเชื่อในความยุติธรรม
จากกรณีที่นางสง่า แสนประเสริฐ อายุ 62 ปี ชาวบ้านหัวสะพาน ต.ช่อผกา อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ พร้อมลูกชาย ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับ นายมน แสนประเสริฐ ผู้เป็นสามี หลังถูกนายบัวพา พูนไธสง เพื่อนบ้านใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย.2540 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ในงานแต่งงานต่อหน้าลูกชายและเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานแต่งจำนวนมาก
ล่าสุดนางสง่าและนายสมคิดได้ออกมาเปิดใจก่อนจะเดินทางไปศาลจังหวัดนางรอง เพื่อฟังการไต่สวนของศาลในวันสุดท้ายก่อนคดีจะหมดอายุความว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีหลังจากนายมน ถูกยิงเสียชีวิต ก็ขาดเสาหลักของบ้านและคนในครอบครัวรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนบ้านอยู่ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ โดยเฉพาะนางสง่า ผู้เป็นภรรยา ยังทำใจไม่ได้ยอมปล่อยบ้านที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับสามีทิ้งร้าง แล้วกลับไปอยู่บ้านเกิดอีกหมู่บ้านหนึ่งในตำบลเดียวกัน ส่วนลูกๆ ทั้ง 5 คนก็แต่งงานมีครอบครัว และวันนี้เป็นครั้งแรกที่นางสง่า และลูกชาย เดินทางกลับมาที่บ้านหลังดังกล่าวอีกครั้งหลังปล่อยทิ้งร้างไปเกือบ 20 ปี พร้อมพาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดเกิดเหตุนายมน ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อ 20 ปีก่อน
นางสง่า ยอมรับว่า รู้สึกกังวลใจเพราะเหลืออีกเพียงวันเดียวจะหมดอายุความ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ แต่ก็ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และหากยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ ตนก็จะร้องขอความเมตตาจากศาล เพื่อขอยืดอายุความออกไปให้เจ้าหน้าที่ได้มีเวลาในการติดตามตัวผู้ต้องหา และให้โอกาสครอบครัวได้ต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้ตายด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของศาล
ด้านนายสมคิด ลูกชายคนตาย ยืนยันว่าวันเกิดเหตุตนเองอยู่ในงานแต่งงานกับพ่อ และเห็นเหตุการณ์ว่าพ่อถูกนายบัวพาใช้ปืนยิงเสียชีวิต ซึ่งขณะนั้นตนอายุประมาณ 18 ปี เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงติดตาและไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน แต่ที่ผ่านมาตำรวจยังไม่เคยเรียกตนเองไปสอบปากคำเลย สอบเพียงพยานแวดล้อมคนอื่น และวันนี้ซึ่งเป็นวันที่จะหมดอายุความครบ 20 ปี ก็รู้สึกกังวลใจมากเกรงคนร้ายจะลอยนวลไม่ได้รับโทษกับสิ่งที่กระทำ ทางครอบครัวจึงจะขอความเมตตาจากศาลให้ยืดอายุความออกไปอีก เพื่อให้มีเวลาได้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ส่วนบรรยากาศที่บ้านนายบัวพา จำเลยที่ถูกศาลออกหมายจับข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตประมาณ 100 เมตร พบว่าถูกปิดเงียบไม่มีคนอยู่ มีเพียงรถตู้จอดทิ้งไว้ใต้ถุนบ้านเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะหลบหนีออกนอกพื้นที่