เอาเงินมาล่อ! ผู้บริหารศูนย์การเรียนภาษาอังกฤษ แห่งอาเชียน AEC ที่ลำปาง สุดแสบหลอกผู้ปกครอง ร่วมลงทุนเป็นศูนย์ฯ สุดท้ายเหยื่อหลายรายหลงเชื่อ ก่อนหอบเงินหนีข้ามประเทศ
นางพิมพร เรืองวิเศษ อายุ 73 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ นำกลุ่มผู้ปกครองชาวลำปางกว่า 10 ราย เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน หลังถูกนายจิรภัทร พึ่งวานิชกุล ผู้บริหารศูนย์การเรียนภาษาอังกฤษ แห่งอาเชียน AEC หลอกให้ร่วมลงทุนเปิดศูนย์การเรียนภาษาอังกฤษ แห่งอาเชียน AEC เมื่อช่วงปลายปี2559 โดยผู้ต้องหามีการพิมพ์ใบปลิวโฆษณาเชิญชวนประชาชนร่วมลงทุนร่วมหุ้น หุ้นละ 1 หมื่นบาท โดยมีประชาชน รวมทั้งผู้ปกครองของเด็กนักเรียน ที่มาเรียนเสริมด้านภาษาอังกฤษ กับศูนย์การเรียน หรือสถาบันดังกล่าว ต่างหลงเชื่อนำเงินที่เก็บออมไว้มาร่วมลงทุน โดยหวังจะได้เงินปันผลจากการลงทุนกับศูนย์การเรียนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มตนเองมีจำนวน 10 ราย สูญเงินไปกว่า 5 แสนบาท
โดยกลุ่มผู้เสียหาย เล่าว่า หลังนำเงินมาร่วมลงทุนตามที่เห็นในแผ่นพับใบปลิว หลังครบสัญญา ก็ไม่ได้รับเงินปันผลแต่อย่างใด โดยผู้เสียหายบางรายสูญเงินไปกว่า 2 แสนบาท บางรายก็แสนกว่าบาท แล้วแต่กำลังของแต่ละรายที่ร่วมลงทุน และเมื่อทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงเลื่อยมา ก่อนที่กลุ่มผู้ปกครอง และชาวบ้านที่ร่วมลงทุน ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรเมืองลำปาง จนกระทั่งนายจิรภัทร เห็นท่าไม่ดี จึงได้หลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมเงินที่หลอกผู้เสียหายมาได้ ทำให้ศูนย์การเรียนภาษาแห่งนี้ต้องปิดตัวลง โดยนักเรียนที่เรียนเสริมจำนวนมากต้องถูกลอยแพ รวมถึงเงินที่เด็กๆ จ่ายไปเพื่อซื้อหนังสือเรียนรายละ 500 บาท ก็หายไปด้วย โดยไม่ได้รับหนังสือเรียนแต่อย่างใด
เบื้องต้น ทางตำรวจได้ออกหมายจับ นายจิรภัทร ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน แต่จากการตรวจสอบ พบว่าตัวผู้ต้องหาเอง ได้บินลัดฟ้าหลบหนีออกไปประเทศเกาหลีแล้ว ทำให้กลุ่มผู้เสียหายต้องมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่กลับมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากผู้เสียหายบางคนนำเงินบำนาญ ซึ่งเก็บออมไว้มาร่วมลงทุน และเงินก็ถูกผู้ต้องหาฉ้อโกงไป
สำหรับคดีนี้ผ่านมานานกว่า 3 ปีแล้ว ทางตำรวจยังไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ จึงอยากฝากไปถึง พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในคดีฉ้อโกงประชาชน เข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหายด้วย เนื่องจากคาดว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่กล้าแสดงตัว ส่วนจำนวนเงินที่ผู้ต้องหาหลอกไป ซึ่งคาดว่าจะมากกว่าหลักล้านบาทแน่นอน