แพทย์ผิวหนัง เตือนระวังโรคเนื้อเน่าระบาดช่วงหน้าฝน มีอาการให้รีบพบแพทย์ หากปล่อยไว้อาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ชี้ โรคเนื้อเน่า (Necrotizing fasciitis) หรือ แบคทีเรียกินเนื้อคน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ส่วนใหญ่จะระบาดในฤดูฝน ช่วงเกษตรกรลงดำนา ลุยโคลน การติดเชื้อมักมีอาการรวดเร็ว และรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง อาจนำมาซึ่งการสูญเสียอวัยวะและอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคเนื้อเน่าเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงชนิดเดียว หรืออาจเป็นจากการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดพร้อมกัน พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีประวัติไปดำนา ลุยโคลน และโดนหอย หรือเศษแก้วบาด เศษไม้ตำเท้า และไม่ได้ทำแผลหรือรักษา ทำให้เชื้อโรคเข้าไปในบาดแผล และเพิ่มจำนวนจนเกิดอาการรุนแรงได้ ซึ่งเชื้อเหล่านี้จะเข้าสู่ผิวหนังผ่านทางบาดแผล หรือรอยแตกของผิวหนัง และเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะสามารถสร้างเอนไซด์มาย่อยสลายเนื้อเยื่อในร่างกายของผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าไป ทำให้มีการกระจายของเชื้อไปได้อย่างรวดเร็ว ในชั้นใต้ผิวหนังภายในระยะเวลาไม่นานนัก โรคเนื้อเน่าพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่คนที่มีโรคประจำตัวบางชนิดพบมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากกว่าคนอื่น ซึ่งโรคดังกล่าวได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ตับแข็ง โรคมะเร็ง ไตวาย รวมถึง คนที่มีภาวะกดภูมิจากการใช้สารสเตียรอยด์ คนที่ใช้สารเสพติดฉีดเข้าเส้น คนที่มีปัญหาของหลอดเลือดบริเวณขา คนอ้วน สูบบุหรี่และคนที่ติดแอลกอฮอล์
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อ ในระยะเริ่มแรกจะมีอาการบวม แดง ปวด กดเจ็บในตำแหน่งที่มีการติดเชื้อ ถ้าไม่ได้รับการรักษา ผิวหนังบริเวณดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำอย่างรวดเร็วภายใน 36 ชั่วโมง หลังการติดเชื้อ จะมีตุ่มน้ำพองที่ผิวหนัง มีการตายของชั้นใต้ผิวหนังและผิวหนังบริเวณดังกล่าว โดยการรักษาหลัก คือ การผ่าตัดให้ลึกจนถึงชั้นฟาสเชีย หรือชั้นพังผืดที่ห่อหุ้มชั้นกล้ามเนื้อ และอวัยวะภายในของร่างกาย และเอาเนื้อเยื่อบริเวณที่ตายออก ร่วมกับการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด เพื่อให้ครอบคลุมเชื้อที่ก่อโรค
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ กล่าวต่ออีกว่า แต่เมื่อปล่อยให้เป็นมากขึ้น เชื้อจะทำลายเส้นประสาท ทำให้อาการปวดที่พบในตอนแรก กลายเป็นชา บริเวณผิวหนังส่วนที่ติดเชื้อแทน อาการอื่นที่พบร่วมด้วย เช่น ไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้ อาเจียน ถ้าเป็นมากอาจมีหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กรณีไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อจะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายล้มเหลว ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวลดน้อยลง ช็อค และเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่าเป็นโรคนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษา และการป้องกันการติดเชื้อ ให้ดูแลทำความสะอาดบาดแผลบริเวณผิวหนัง ไม่แกะเกาบริเวณผื่น หรือแผลที่มีอยู่เดิม ควรหมั่นสังเกตตนเอง