คืบหน้าคดีแช๊ทไลท์หลุด ผอ.โรงเรียนเป็นชู้กับนักเรียน ม.2 ด้านภรรยา ผอ. ฉาวคนปัจจุบันอับอายลาออกจากงานเก็บของหนีออกจากบ้านเช่าแล้ว ตำรวจจ่อยื่นศาลบัวใหญ่ออกหมายจับข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร หากมีเพศสัมพันธ์กันจะเพิ่มข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้ปกครองก็โดนด้วยฐานให้การสนับสนุนกระทำความผิด ในขณะที่แม่เด็กหญิงเผลอตะโกนด่า “ลูกกูแต่งงานกับ ผอ. แล้ว”
เป็นการเปิดเผยจากนางไพรวัลย์ แม่ของเด็กผู้ชายชั้นม.3 แฟนเก่าของเด็กนักเรียนชั้นม.2 โดยเล่าว่าได้พบกับ นางติ๋ม (นามสมมติ) แม่แท้ ๆ ของเด็กหญิง ม.2 ที่บ้านญาติ ภายในหมู่บ้านตำบลบัวใหญ่ และมีปากเสียงกันขึ้น
โดย นางติ๋ม (นามสมมติ) ได้ต่อว่า นางไพรวัลย์ แม่ของเด็กผู้ชายชั้น ม.3 แฟนเก่าของเด็กนักเรียนชั้น ม.2 ว่ามายุ่งกับเรื่องของลูกสาวตนเองทำไม เพราะลูกสาวหมดรักลูกชาย นางไพรวัลย์ แล้ว และ นางติ๋ม ก็ได้ตะโกนใส่ นางไพรวัลย์ ว่า “ลูกสาวกูได้แต่งงานกับผู้อำนวยการไปนานแล้วไม่ต้องมายุ่งอีกและกูจะฟ้องร้องมึงที่มาทำให้ครอบครัวกูเสียชื่อเสียง”
ทีมข่าวไบรท์ทีวีได้สอบถามจากนายกสภาทนายความ ในแนวทางด้านกฎหมาย ว่า กรณีนี้หากผู้อำนวยการโรงเรียนอ้างว่าได้อยู่กินฉันสามีภรรยากับนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี และพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็ยินยอมซึ่ง ดร.ถวัลย์ ยอมรับว่าอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้อกล่าวหาเบาลง เนื่องจากสาระสำคัญของกฎหมายอาญา 317 ผู้ใดปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี – 15 ปี และปรับตั้งแต่ 6 หมื่นบาทถึง 3 แสนบาท แต่เมื่อพ่อแม่ฝ่ายหญิงยินยอมก็อาจไม่เข้าข่ายพรากผู้เยาว์
ส่วนก่อนหน้านี้ทาง พ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.บัวใหญ่ ชุดสืบสวนสอบปากคำพยาน พบพฤติกรรมของ ผอ.ฉาวกับเด็กอายุ 14 ปี จะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาข้อหาพรากผู้เยาว์ กระทำอนาจาร ครบกำหนดพรุ่งนี้ หากไม่มาจะออกหมายจับ และหากมีเพศสัมพันธ์ จะดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราอีกข้อหาหนึ่ง แม้เด็กนักเรียนหญิง ม.2 จะยินยอมหรือผู้ปกครองจะไม่แจ้งความ ตำรวจก็สามารถดำเนินคดีได้เอง และผู้ปกครองก็จะถูกดำเนินคดีฐานให้การสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดยุยงส่งเสริมให้มีการกระทำผิด เนื่องจากเด็กมีอายุไม่เกิน 15 ปีด้วย
ด้าน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า กรณีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่าง ผอ.โรงเรียนกับนักเรียนหญิงชั้น ม.2 เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ และหากบิดามารดายอมเข้าข่ายผิดกฎหมายคุ้มครองเด็ก ซึ่ง ผอ.โรงเรียนเข้าข่ายความผิด กฎหมายอาญา มาตรา 277 ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000 – 40,000 บาท ซึ่งเป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุด้วยว่า พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 26 (3) ยังระบุด้วยว่า ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการ บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น บิดามารดาหรือผู้ปกครองยินยอมอาจเข้าข่ายส่งเสริมหรือยินยอม จะมีความผิดตามตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก
ความคืบทางวินัย ผอ.ฉาว นายศุภพงษา จันทรังษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ว่าขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนลงพื้นที่สอบปากคำพยานหลายฝ่าย ทั้งพยานแวดล้อม และพยานบุคคล ซึ่งพยานบุคคลทุกรายได้ให้การสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้คณะกรรมการฯ สรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นได้ว่า ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าวมีพฤติกรรมฉันชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิง ม.2 จริง จะรายงานผลการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการศึกษาธิการ จ.นคราชสีมา ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานได้ทราบในวันพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) เพื่อดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ผอ.โรงเรียนรายนี้ต่อไป ซึ่งหากพบผิดจริงมีโทษทางวินัยร้ายแรงถึงขั้นปลดออก หรือไล่ออก โดย ผอ.โรงเรียน และ เด็กนักเรียนหญิงวัย 14 ปี ชั้น ม.2 จะต้องไปให้ปากคำกับคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่ทางคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมาแต่งตั้งขึ้นมาต่อไป
ส่วนทางด้านนายโจ (นามสมมติ) นักเรียนชาย ม.3 แฟนเก่าของเด็กหญิง ม.2 เปิดเผย ทั้งน้ำตาว่า คบหากับแฟนสาวมานานกว่า 1 ปี 6 เดือน โดยฝ่ายหญิงอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน แม่ก็มีสามีใหม่ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อเลี้ยงจึงมาใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งฝ่ายแม่ของแฟนสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งนี้ตนกับแฟนสาวก็มีแผนจะแต่งงานกันให้ถูกต้องตามกฎหมายและจารีตประเพณี หลังเรียนจบ ม.6 แต่ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน ตนรู้สึกเจ็บช้ำใจมากที่ถูก ผอ.แย่งแฟน แต่ตอนนี้ก็พอจะทำใจได้แล้ว สำหรับแฟนสาวตนเองนั้นหมดรักไปแล้ว และไม่ขอกลับไปใช้ชีวิตร่วมกันอีก