โชว์แมน! นร.รับแก้ผ้าหน้าแถวเอง-ศธ.ระยองสั่งสอบด่วน หลังผู้ปกครองของเด็กตั้งกระทู้ถามในพันทิป
จากกรณีที่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนตั้งกระทู้ถามในพันทิปว่า ครูลงโทษนักเรียน ให้แก้ผ้า หน้าแถว เป็นสิ่งที่สมควรกระทำหรือไม่อย่างไร ในการลงโทษนักเรียน ชั้น ม.6 ของโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดระยอง ที่ได้แกล้งดึงกางเกงและเสื้อของเพื่อนที่มีความผิดปกติของร่างกายบริเวณขา จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ อยู่ในขณะนี้ ล่าสุด ศึกษาธิการจังหวัดระยอง เร่งตรวจสอบ เหตุที่เกิดขึ้นแล้ว
ทางทีมข่าวไบรท์นิวส์ได้ค้นหาความจริงที่โรงเรียนชื่อดังในจังหวัดระยอง หลังเกิดเหตุครูลงโทษนักเรียน ให้แก้ผ้า หน้าแถว โดยสอบถามเด็กนักเรียนโรงเรียนดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า การลงโทษที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง แต่เป็นเหตุการณ์ก่อนปิดเทอม ประมาณ 3-4 สัปดาห์แล้ว ซึ่งเด็กทุกคนในโรงเรียนต่างรู้ดี
ต่อมา ทีมข่าวได้ติดตามเรื่องนี้กับ สิบโท ไชยยันต์ เกิดเหมาะ รองศึกษาธิการจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ได้รับทราบในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ประสานไปยังโรงเรียนเอกชนดังกล่าวแล้ว โดยเมื่อวานนี้ได้สอบข้อเท็จจริงร่วมกับทางโรงเรียน โดยมีผู้ปกครอง ของเด็ก 2 ใน 4 คน ที่ร่วมกันแกล้งเพื่อน ได้ให้ข้อเท็จจริงแล้ว และในวันพรุ่งนี้ ก็มีนัดสอบข้อเท็จจริงกับผู้ปกครองอีก 2 ท่านที่เหลืออีกด้วย ซึ่งในเบื้องต้น จากการสอบถามเด็ก และผู้ปกครอง ได้ชี้แจงกับทางคณะศึกษาธิการจังหวัดระยอง ว่า เด็กทั้ง 4 คน รวมถึงน้องที่ถูกแกล้ง มีความสนิทสนมกันมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 แต่เหตุที่เกิดขึ้นพวกเขาก็ยอมรับว่าเกินกว่าเหตุไป ที่ไปแกล้งในลักษณะนั้น และในส่วนของการลงโทษเด็กที่เกิดขึ้น ทางศึกษาธิการจังหวัด ได้ตักเตือนครูผู้สอนไปแล้ว พร้อมกำชับในการลงโทษเด็กนักเรียนต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ
ขณะที่ครูคนก่อเหตุ ได้ให้ข้อมูลว่า วันที่ทำโทษเด็ก ครูไม่ได้สั่งให้ถอดกางเกง เพียงแต่ในขณะนั้น ครูได้ถามเหตุผลกับเด็กทั้ง4 คน ว่าทำไมถึงแกล้งเพื่อนแบบนี้ ถ้าเป็นพวกเธอถูกแกล้งบ้าง จะรู้สึกอย่างไร ซึ่งเด็กทั้ง4 คน ก็ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป ว่าพวกเขาทั้งหมดถอดกางเกงเอง โดยที่ครูไม่ได้สั่ง เพื่อแสดง สปิริตว่าเขาแกล้งเพื่อนแบบนี้ พวกเขาจึงยอมรับผิด ด้วยการถอดกางเกงลงกับพื้น แต่มีเสื้อนักเรียนคลุมอยู่ เพื่อเป็นการขอโทษเพื่อนที่ถูกแกล้ง
อย่างไรก็ตาม ทางศึกษาธิการจังหวัดระยอง จะต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของเด็ก2 ใน4 คน ที่ถูกลงโทษ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย