โรงงานยางแท่ง 2 โรงงานที่ จ.อุดรธานี ส่งปัญหากลิ่นเหม็นกระทบครูและนักเรียนมานานกว่า 4 ปี วอนแก้ไขปัญหาดังกล่าวกระทบให้น้อยที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 20 ก.พ.60 เกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ไขกลิ่นเหม็นของโรงงานยางแท่งยักษ์ใหญ่ 2 โรง ถ.นิตโย บ.จำปา ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ติดต่อกันมา 4 ปี ของ บ.ศรีตรังแองโกรอินดัสตี จก.(มหาชน) กำลังผลิต 5,000 ตันต่อเดือน และ บ.วงษ์บัณฑิต จก. กำลังผลิต 10,000 ตันต่อเดือน และจะขยายกำลังผลิตอีก 5,000 ตันต่อเดือน โดยนายชยาวุธ จันทร ผวจ.อุดรธานี สั่งให้ทั้งสองโรงแก้ไขกองยาง และระบบบำบัดน้ำเสีย โดยไม่ต้องหยุดเดินเครื่องจักร ตามที่ผู้เดือดร้อนให้หยุดก่อน
ขณะที่รถโมบายตรวจเก็บคุณภาพอากาศ กรมควบคุมมลพิษ ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ท้าย บ.จำปา เพื่อตรวจเก็บหาต้นเหตุกลิ่น อาทิ ไฮโดรเจนซัสไพล์ , แอมโมเนีย , สารอินทรีย์ระเหยเร็ว และกรดไขมันระเหยเร็ว เพื่อนำไปตรวจด้วยเครื่องมือ และให้ผู้เชียวชาญดมกลิ่น ทำให้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กลิ่นเหม็นของโรงงานที่ บ.จำปา ลดลงจากระดับ 2-5 มาอยู่ที่ระดับ 1-2 เท่านั้น ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เสนอขยายเวลารถโมบายออกไปรวม 1 เดือน เพราะเชื่อว่าขณะนี้โรงงาน “ลดกำลังผลิต”
ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี รายงานเพิ่มเติมว่า รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) หนองนาคำ รายงานสรุปการตรวจสุภาพ ในส่วนผลกระทบของโรงงานยางแท่ง ต่อพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ บ้านจำปา ห่างจากโรงงาน 500 กม. 286 หลังคา , บ้านโนนสะอาด ห่างจากโรงงาน 1.5 กม. 126 หลังคา และบ้านโก่ย ห่างจากโรงงาน 1.5 กม. 340 หลังคา ส่วนบ้านหนองแก ห่างจากโรงงาน 1 กม.188 หลังคา แม้อยู่ใกล้แต่อยู่ต้นลมได้รับผลกระทบน้อย โดยการออกให้บริการประชาชนระหว่างวันที่ 16-23 ม.ค.60 ในพื้นที่ 4 หมู่บ้าน คือ บ.โก่ย, บ.จำปา, บ.หนองแก และ บ.โนนสะอาด มีผู้มารับบริการ 83 ราย ผู้มารับบริการส่วนใหญ่มีอาการ แสบจมูก แสบคอ คอแห้ง ร้อยละ 48.19 มีอาการปวดศีรษะ ร่วมกับแสบจมูก ร้อยละ 21.69 มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น หายใจลำบาก แสบจมูก เหนื่อย อ่อนเพลีย ร้อยละ 14.46 สอบถามในเดือน ธ.ค. – ม.ค. จะมีกลิ่นเหม็นเกือบทุกวัน และจะเหม็นมากในช่วงกลางดึก
ส่วนการตรวจสุขภาพนักเรียน 2 โรง ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งที่โรงเรียนบ้านจำปา-โนนสะอาด และโรงเรียนบ้านโก่ย มีนักเรียน 216 คน มารับตรวจสุขภาพ 213 คน พบนักเรียนมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ และโรคผิวหนังรวม 45 คน หรือร้อยละ 21.12 โดยย้อนกลับไป 1 เดือน การตรวจสุขภาพมีอาการใกล้เคียงกัน ส่วนการสำรวจภาวะสุขภาพจิต พบว่ามีนักเรียนได้รับผลกระทบ จากกลิ่นและเสียง 128 คน หรือร้อยละ 60.37
ทางด้าน รพ.สต.หนองนาคำ สรุปด้วยว่า ผลประเมินและวิเคราะห์ความเครียดพบว่า อาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้ายทอย หลัง หรือไหล่ , อาการนอนไม่หลับเพราะคิดมากหรือกังวลใจ , อาการหงุดหงิด รำคาญใจ , อาการปวดหัวข้างเดียว หรือปวดบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง , อาการมึนงงหรือเวียนศีรษะ , อาการเพลียไม่มีแรงและอาการรู้สึกเหนื่อยไม่อยากทำอะไร โดยที่ ร.ร.บ้านจำปาโนนสะอาด ที่เป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้โรงงานยางทั้ง 2 แห่งมากที่สุด ยังคงมีการเรียนการสอยตามปกติ โดยในวันนี้ที่เป็นวันเปิดเรียนของต้นสัปดาห์ ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย แต่ยังคงมีกลิ่นเหม็นแบบปลาร้าไหม้อยู่ในระดับ 1 โชยมาเป็นระยะ และนักเรียนยังคงเรียนหนังสือและทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตามปกติ
นายดิเรก ดวงคำจันทร์ ผอ.ร.ร.บ้านจำปาโนนสะอาด เปิดเผยว่า หลังจากมีผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาตรวจโรงงานยางแท่งทั้ง 2 แห่ง และให้มีการแก้ไข ทราบว่ามีการขนยางก้อนถ้วยออกไปบางส่วน ทำให้กลิ่นเหม็นยางลดลงไปบ้าง แต่ทางโรงเรียนที่อยู่ห่างจากโรงงานตามแนวตรงประมาณ 600-700 เมตร ก็ยังคงมีกลิ่นเหม็นแบบปลาร้าไหม้อยู่ในระดับ 1-2 ถึงแม้ทางโรงงานจะมีการแก้ไข ที่ผ่านมาโรงเรียนเรามีครูผู้หญิง 7 คน นักเรียนอีก 114 คน ทุกคนได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็น ซึ่งทาง รพ.สต.หนองนาคำ ก็มาตรวจสุขภาพนักเรียน ที่ส่วนใหญ่จะมีอาการเรื่องทางเดินหายใจ โดยได้แจกหน้ากากปิดปากปิดจมูกแบบผ้า ที่สามารถซักนำมาใช้ใหม่ได้ให้นักเรียนและครู แต่ส่วนใหญ่นักเรียนจะไม่ค่อยใส่กัน บอกว่าใส่แล้วรู้สึกรำคาญ
นายดิเรก ยังกล่าวด้วยว่า ปัญหากลิ่นเหม็นส่งผลกระทบกับนักเรียนและครูอย่างแน่นอน ซึ่งตนเองที่รับตำแหน่งได้ 2 ปี และเคยเป็นนักกีฬาเขตประเภทลานมาก่อนยังมีอาการหายใจติดขัด ลำตัวมีผื่นขึ้น แต่ครูผู้หญิงที่ส่วนใหญ่อายุเกิน 50 ปีบอกว่าเหม็นกลิ่นยาง เจ็บป่วยบ่อยแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งมองว่าไม่ว่าจะแก้ไขอย่างไรกลิ่นเหม็นคงไม่หาย และน่าจะส่งผลกับเด็กนักเรียนในอนาคต เพราะเมื่อเหม็นเด็กก็เรียนไม่รู้เรื่อง ช่วงพักแทนที่เด็กจะได้พักผ่อนรับอากาศบริสุทธิ์แต่ต้องมารับอากาศเหม็นแทน อยากให้ทางโรงงานได้ทำการแก้ไขอย่างจริงจัง