นายเจียร ไพรสุวรรณ อายุ 42 ปี สมาชิกกลุ่มชีวะเกษตร พลิกผันจากการปลูกพืชเศรษฐกิจจากสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน มาปลูกพืชผสมผสาน และพืชผลตามฤดูกาล เช่น ดอกดาวเรือง พริก ตะไคร้ กล้วย แตงโม มะละกอ ข้าวโพด มะนาว หม่อนมัลเบอร์รี่ เพื่อเพิ่มมูลค่ารายได้พัฒนาผืนแผ่นดินให้ได้ผลผลิตอย่างยั่งยืน
นายเจียร ได้ค้นพบว่า การปลูกพืชเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน มีความเสี่ยงสูงและรายได้ขึ้นอยู่กลไกการตลาด ช่วงนี้พืชเศรษฐกิจราคาลดลงจนบางรายต้องขายที่ดิน แบกภาระความขาดทุน ขณะที่รายจ่ายเพิ่มสูงขึ้นตามค่าครองชีพ จึงหันมาศึกษาผืนแผ่นดินของตนเองและความเหมาะสมกับท้องตลาดในพื้นที่ พบว่า ดิน เป็นอาหารของพืชทุกชนิดหากดินดี อาหารบำรุงพืชดี ก็จะให้ผลผลิตที่ดี
จากการศึกษาของนายเจียร พบว่า มูล(ขี้)ไส้เดือน เป็นอาหารชั้นดีของพืช ผัก ผลไม้ จึงได้เริ่มทดลองโดยการนำไส้เดือนพันธุ์ แอฟริกัน เอเอฟ ที่หาซื้อได้มาเพาะพันธุ์ โดยใช้มูลวัวนม ที่ผ่านการแช่น้ำมา 2-3 วัน เพื่อลดความร้อนในมูลวัว ใส่ภาชนะที่ต้องการให้ไส้เดือนประมาณ 20 วัน จากนั้นร่อนเอาเฉพาะผงดิน (มูลไส้เดือน) ก็จะได้ปุ๋ยชั้นดีลดการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง คุณภาพดีกว่าปุ๋ยหมัก เกษตรกรรายนี้ได้ทดลองใช้มูลไส้เดือนในพื้นที่จำนวน 3 ไร่ โดยเริ่มจากการไถพรวน ลงน้ำหมักชีวะภาพใส่ในดิน ปิดท้ายด้วยใส่มูลไส้เดือน และปลูกพืชตามฤดูกาล เช่น ดอกดาวเรือง พริก ตะไคร้ กล้วย แตงโม มะละกอ ข้าวโพด มะนาว หม่อนมัลเบอร์รี่ และฉีดพ่นน้ำส้มจากควันยางเพื่อฆ่าแมลงศัตรูพืช พบว่าได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีเนื้อแน่น รสชาติดี ไม่มีสารพิษ จนได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
นายเจียร ไพรสุวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันตนเองบริโภคผลผลิตที่ปลูกเองซึ่งรู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นเนื่องจากไม่มีสารพิษตกค้างอย่างแน่นอน เดิมตนเองทำสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน ราคาขึ้นอยู่กับกลไกตลาด ทำให้บางเดือนรายได้แทบจะช่วยเหลือครอบครัวไม่ได้เลย สภาพอากาศแปรปรวนไม่เอื้ออำนวย ทำให้เปลี่ยนแนวคิดมาทำเกษตรทฤษฏีใหม่ โดยนำสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาสร้างความสัมพันธ์กับการเกษตร เช่น มูลไส้เดือน น้ำหมักชีวะภาพ มาช่วยบำรุงดิน รักษาดิน ทำระบบนิเวศน์ดีขึ้น ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีและพืชได้มีภูมิคุ้มกันดีขึ้นตามไปด้วย