น.ส.โฉมนภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ได้พาลูกชาย คือ นายบีม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมเพื่อนรวม 5 คน เข้าพบ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อแจ้งความอายัดบัญชีธนาคาร รวม 12 บัญชี หลังมีคนมาว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร แต่ปรากฎว่ายอดเงินในบัญชีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสงสัย หมุนเวียนถึงวันละหลายล้านบาท
ด้านนายบีม ผู้เสียหาย ให้การว่า เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา มีรุ่นพี่นักศึกษาอายุ 19ปีในมหาวิทยาลัยเดียวกัน มาพูดชักชวนหว่านล้อมตนและเพื่อนๆ ว่า ช่วยเปิดบัญชีธนาคารให้หน่อยสิ เดี๋ยวจะมีค่าขนมให้คนละ 500 บาท ซึ่งตนก็เห็นว่า ไม่น่าจะเสียหายอะไรแถมยังได้เงินไปใช้จ่ายอีก จึงพากันไปเปิดบัญชีให้ จนกระทั่งเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ธนาคารบุกมาหาตนและแม่ที่บ้าน พร้อมกับนำเอกสารการเคลื่อนไหวในบัญชี ซึ่งมีการโอนเงินเข้าออกตั้งแต่หลัก 50 บาทไปจนถึงหลักแสนบาท เพราะสงสัยว่าทำธุรกิจอะไร เงินในบัญชีถึงหมุนเวียนคล่องขนาดนี้ เพียงแค่เดือนที่แล้ว แค่เดือนเดียว ก็มีเงินหมุนเวียนเข้าออกทุกวันรวมยอดกว่า 7 ล้านบาท ทำให้ครอบครัวตกใจและเชื่อว่ากลุ่มมิจฉาชีพนี่น่าจะใช้บัญชีชื่อของตนไปทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบบัญชีทั้ง 12 บัญชี ก็พบว่ามีเงินหมุนเวียนรวมกัน ตกเดือนละเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งหลังรับแจ้งความเจ้าหน้าที่ ได้เรียกตัวรุ่นพี่ที่ให้นายบีมและเพื่อนไปเปิดบัญชี มาสอบสวนจนทราบว่า มีเพื่อนของแม่มาว่าจ้าง ให้หาคนไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับโอนเงินค่าหวยใต้ดิน ซึ่งในตอนแรกรุ่นพี่คนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะแม่ของรุ่นพี่คนนี้ก็ยังเต็มใจเปิดบัญชีด้วยกันถึง 2 บัญชี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ จะได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่ามีการโยกเงินไปยังสถานที่ใดบ้าง เพื่อดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมฝากเตือนถึงประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือ เพราะการเปิดบัญชีให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นความผิดด้วย