บอสกระทิงแดง พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงสำเนาหมายแดง หรือ เรดโนติส ของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ที่ออกโดยองค์การตำรวจสากล เพื่อยืนยันการประสานขอให้ตำรวจสากล ช่วยสืบหาถิ่นที่อยู่ของนายบอส ผู้ต้องหาคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เพื่อให้ทางการไทยประสานขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในไทย
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า วันที่ 25 กันยายน องค์การตำรวจสากลได้พิจารณาและอนุญาตให้ออกหมายแดง ซึ่งต่อมาในวันที่ 1 ตุลาคม ก็ได้มีประกาศออกหมายแดงอย่างเป็นทางการ โดยหมายแดงที่ว่านี้ เป็นการสืบหาถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหาให้กับประเทศที่ร้องขอ เพื่อให้ประเทศนั้น ๆ ทำเรื่องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายตามกระบวนการ ซึ่งการสืบสวนที่ว่านี้ไม่ใช่แค่ขอความร่วมมือกับตำรวจสากลอย่างเดียว แต่มีการขอความร่วมมือไปแล้วในทุกช่องทาง ทั้งผ่านทางฑูตตำรวจ , ทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปจนถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันสืบหา ซึ่งคดีที่มีอายุความสูงสุด คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่จะหมดอายุความในปี 2570 ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการค้นหาข้อมูลของนายบอส แต่ไม่ปรากฏรายชื่อในเว็บไซต์ของตำรวจสากล เข้าใจว่าเป็นเรื่องของกระบวนการเผยแพร่ข้อมูลทางเว็บไซต์ ซึ่งอาจอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ส่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการชี้แจงข้อเท็จจริงของผู้ถูกตั้งกรรมการสอบสวน ตามที่ได้เสนอรายชื่อตำรวจไปทั้ง 21 รายชื่อ หลังจากที่มีการประชุมครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 28 กันยายน ซึ่งขณะนี้ยังมีตำรวจบางนายที่ยังชี้แจงกลับมาไม่ครบ และตามกรอบเวลากำหนดให้ชี้แจงได้ไม่เกิน 15 วัน ส่วนผลการสอบสวนวินัย ตามกำหนดการจะมีเวลาไม่เกิน 30 วัน ดังนั้นหากผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงคำตอบตรงตามเวลา คำกล่าวหามีความชัดเจน ไม่มีประเด็นอื่นให้ขยายสอบเพิ่มอีก ก็เป็นไปได้ที่จะทราบผลการสอบวินัยได้ภายในสิ้นเดือนนี้
ส่วนเรื่องผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ชุดที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับเอกสารรายงานผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 22 กันยายน เป็นเอกสารสรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เหตุบกพร่องต่างๆ รวมกว่า 5,800 หน้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทางธุรการของกองวินัย รายการตรวจสอบรับเอกสารและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จากนั้นจะมีการส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีพลตำรวจเอกชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน รับไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป
สำหรับรายงานชุดดังกล่าว พบว่ามีข้อมูลสอดคล้องกับผลการตรวจสอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 80% โดยมี 20% เป็นประเด็นเพิ่มเติม บางประเด็นพบตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องน้อยกว่าผลที่ดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทุกประเด็นตามรายงาน จะมีการตรวจสอบทั้งหมด
ขอบคุณภาพจาก โปลิศนิวส์
