“สมศักดิ์” รมว.ยุติธรรม แจง มาตการภาครัฐคุมผู้ต้องหาโดยใช้ กำไลอีเอ็ม ช่วยนักโทษมีแนวโน้มพฤติกรรมดีขึ้น ตั้งเป้าลดจำนวนคนในเรือนจำหลักแสนคน
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ตอบระทู้ถามจากนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา เรื่อง ปัญหาคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องติดตามตัวอิเลกทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม ถึงการตรวจสอบมาตรฐานการใช้งานกำไลอีเอ็มของภาครัฐ
นายวัลลภ กล่าวว่า เจตนารมณ์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ออกกฎหมายมาก็เพื่อให้กำไลอีเอ็มช่วยลดจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำ เพราะตอนนี้ผู้ต้องขังล้นเรือนจำเกินกว่าจะรับได้ นอกจากนี้ ยังต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีทุนทรัพย์ในการยื่นขอประกันตัว แต่หลังจากที่มีการใช้งานนั้นกลับเกิดปัญหาว่า บริษัทผู้ผลิตกำไล อีเอ็มถูกฟ้องร้อง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพราะกำไลอีเอ็มนั้นสามารถใช้สบู่ล้างแล้วรูดออกได้ จึงอยากทราบผลสัมฤทธิ์ในการใช้กำไลอีเอ็ม รวมถึงข้อมูลว่า หลังการใช้กำไลอีเอ็มนั้น มีประสิทธิภาพอย่างไร และมีการหลบหนีคดีหรือไม่ รวมถึงมีการตรวจสอบคุณภาพและติดตามการใช้งานอย่างไรบ้าง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทู้ถามเรื่องนี้นั้น ตบทราบว่าทางส.ว.ได้ส่งเรื่องถามว่าตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี 2562 แล้ว แต่เนื่องจากตนติดภารกิจ จึงไม่ได้มาชี้แจง ตนไม่ได้หลีกหนีหรือหลบเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด แต่ภารกิจของตนนั้นก็เป็นวาระสำคัญของประเทศ ซึ่งก็สำคัญไม่แพ้การประชุมส.ว. วันนี้จึงมาตอบกระทู้ถามในกรณีนโยบายการตรวจสอบกำไลอีเอ็ม โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังทำสัญญาชุดใหม่ ที่ต้องผ่านความเห็นชอบของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยมีรายละเอียดตามหลักสากล คือใส่บริเวณข้อเท้า ไม่สามารถถอดออกได้ แต่ปกปิดได้ด้วยการใส่กางเกงขายาว ซึ่งได้รับรองจากหน่วยงานต่างประเทศว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ รองรับการทำงานเครือข่าย 3 จีขึ้นไป สามารถทดลองใช้ติดต่อในพื้นที่ทุรกันดารของประเทศได้
สำหรับผู้ต้องหาที่ไม่มีเงินเพียงพอที่จะใช้กำไลอีเอ็มนั้น กระทรวงยุติธรรมมีกองทุนในการประกันตัวและจัดหาทนายความเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและลดความเหลื่อมล้ำในการใช้กำไลอีเอ็มอยู่แล้ว โดยมีแผนในอนาคตจะลดจำนวนคนในเรือนจำโดยการใช้กำไลอีเอ็ม โดยตั้งเป้าไว้ที่จำนวนหลักหมื่นถึงหลักแสนคน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ใช้กำไลอีเอ็ม 3,333 คน ผู้ถูกคุมความประพฤติ 3,200 คน และนักโทษ 105 คน
ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ หลังจากใช้กำไลอีเอ็ม ก็ได้มีการติดตามคน 3 กลุ่มนี้ โดยจะถูกประเมินผลจากศาลพร้อมกับคนในครอบครัวและชุมชนว่า ซึ่งผลประเมินออกมาพบว่าดีขึ้น ผู้ต้องหาที่ใส่มีวินัยดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการทำผิดซ้ำได้ ทำให้สังคมรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น ขณะที่ผู้ใส่กำไลอีเอ็มแล้วหลบหนีปัจจุบันมีจำนวน 47 ราย มีเจตนาหลบหนีโดยชัดเจน 8 ราย มีเจตนาฝ่าฝืนเงื่อนไข 39 ราย ซึ่งศาลได้ออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีแล้ว