กรณี ยกเลิกเคอร์ฟิว พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ขอเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีสื่อออนไลน์ นำเสนอข่าว “กลุ่มรถเบิร์นยางฉลองวันแรกยกเลิกเคอร์ฟิว” ในพื้นที่ สภ.คลองด่าน จว.สมุทรปราการ ว่า
ตามที่ได้รับรายงานจาก สภ.คลองด่าน ว่า จากการตรวจสอบทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มิ.ย. 63 เวลา 21.30-22.00 น. บนนถนนลาดหวาย-เคหะ หมู่ 5 ต.บางเพรียง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จากการสืบสวนทราบว่ารถที่ร่วมก่อเหตุ มีจำนวน 4 คัน คือ 1. กระบะอีซุซุ สีเทา ทะเบียน 2ตฎ-5281 กทม., 2.กระบะอีซุซุ สีเทา ทะเบียน บล-699 ฉะเชิงเทรา, 3.กระบะอีซุซุ สีส้ม ประตูดำ ทะเบียน ถว-701 กทม., 4. กระบะอีซุซุ สีม่วง ประตูดำ ทะเบียน ตฎ-1338 กทม. นั้น
ในวันนี้ (16 มิ.ย. 63 ) เวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุจำนวน 2ราย มาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหา “ฝ่าผืนข้อกำหนดแห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรม) และขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น” และได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาอีก 2ราย ให้มาพบในวันพฤหัสฯที่ 18 มิ.ย. 63 เวลา 10.00 น. เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป อีกทั้งหากมีข้อมูลเพิ่มเติมยืนยันว่าผู้ใดมีส่วนร่วมในการกระทำผิดก็จะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย
รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน หรือกลุ่มต่างๆที่คิดจะรวมตัวกันเพื่อกระทำการในลักษณะข้างต้น ซึ่งหลังจากมีการปลดล็อกเฟส 4 แม้ในบางกิจกรรมจะสามาถทำได้ แต่หากเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบในภาพรวมหรือมีผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อน ตลอดจนเป็นการฝ่าฝืนการกระทำความผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวน ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มียกเว้น
ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและให้มีการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งขันรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตร. (ศปข.ตร.)
จากผลการดำเนินกวดขัน จับกุม ปราบปราม ที่ผ่านมา พบว่า การรวมกลุ่ม มั่วสุมในลักษณะที่น่าจะนำไปสู่การแข่งรถในทาง หรือ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดของผู้อื่น และสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจาก ได้รับความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนในการ แจ้งเบาะแส ผ่านช่องทางต่างๆ เป็นจำนวนมาก ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง ป้องกันเชิงรุก ปราบปราม ขยายผล และเฝ้าระวัง ส่งผลให้การปฏิบัติมีสถิติลดลงอย่างเป็นรูปธรรม