“พุทธิพงษ์” แจงแก้ไขปัญหาข่าวปลอมบนโลกออนไลน์ ห่วงพบกว่า 5 แสนข้อความ ซ้ำผู้สูงอายุแชร์ข่าวปลอมมากที่สุด
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ที่รัฐสภา มี การประชุมวุฒิสภาที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นประธานการประชุมได้พิจารณากระทู้ถาม เรื่อง นโยบายการแก้ไขปัญหาข่าวปลอมที่เผยแพร่ในสังคมออนไลน์
ทั้งนี้ นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ในฐานะผู้ตั้งกระทู้ถาม กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเผยแพร่ข่าวปลอมเป็นจำนวนมาก มาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอต่อการจัดการปัญหา การตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แม้จะเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ภาครัฐควรมีมาตรการในการดำเนินคดีและระงับการแพร่กระจายข่าวปลอม จึงขอถามว่ากระทรวงดิจิทัลฯ มีมาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า การตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆ มีส่วนร่วม ทั้งภาคประชาสังคม สื่อมวลชน มีการแบ่งประเภทข่าวออกเป็น 4 กลุ่มชัดเจน ได้แก่ กลุ่มภัยพิบัติ กลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มสุขภัณฑ์ วัตถุอันตราย และกลุ่มนโยบายรัฐบาลที่ถูกบิดเบือน
สำหรับช่องทางให้ประชาชนรายงานเข้ามา ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเจ้าหน้าที่ ทั้งเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข่าวปลอม ในการตรวจสอบข่าวที่มีการแชร์หรือพูดถึงในโซเชียลมีเดีย และชี้แจงภายใน 2 ชั่วโมง หลังจากพบข่าวปลอมเผยแพร่ในระบบ เพื่อป้องกันการแชร์ข้อมูลข่าวเท็จ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นบุคคลอายุมากกว่า 60 ปี ที่แชร์ข่าวเท็จมากที่สุด
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เราตรวจสอบพบว่ามีประมาณ 5 แสนข้อความที่มีความเสี่ยงว่าจะเป็นข่าวปลอม เมื่อเราตรวจสอบแล้วจะมีการคัดกรองและส่งไปให้ตรวจสอบว่าข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวจริงหรือไม่ เราขอความร่วมมือจากส่วนราชการส่งพนักงานเข้ามาทำงานกับเรา เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลและตอบกลับมาภายใน 2 ชั่วโมงว่าข่าวดังกล่าวนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ โดยพบว่ากลุ่มคนที่มีการแชร์ข่าวไม่ถูกต้องมากที่สุด คือ กลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพราะเป็นการแชร์ข่าวด้วยความเป็นห่วงเพื่อนฝูง ซึ่งที่ผ่านมามีการตรวจสอบผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลอกลวงประชาชนตลอดเวลา และพยายามทำงานให้เร็วขึ้นเพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติ และทำงานให้เกิดความรัดกุมต่อไป
นอกจากนี้ นายพุทธิพงษ์ ยังชี้แจงการบังคับใช้กฎหมาย ว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เป็นส่วนที่แยกจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมอย่างชัดเจน เมื่อมีข้อมูลว่ามีผู้กระทำผิด ทีมที่บังคับใช้กฎหมายก็จะดำเนินการ
ส่วนการจดทะเบียนบัญชีออนไลน์และซิมการ์ด ก็จะต้องลงทะเบียนให้รัดกุมมากขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่กระทบความมั่นคง ปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชนจากต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถปิดได้ รวมถึงเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อจากนี้เป็นต้นไป