ข่าวดี !! บริษัทยายักษ์ใหญ่ ไม่คิดค่าสิทธิบัตร “ยาโมลนูพิราเวียร์” ทำให้ประเทศยากจน จะได้ใช้ยาถูกลง 88 เท่าตัว จาก 23,100 บาทเหลือ 264 บาทต่อคอร์ส
ข่าวดีมากสำหรับประเทศรายได้ปานกลางและยากจน โดยมีการแถลงข้อตกลงร่วมกันระหว่างบริษัท MSD (Merck&Co.,Inc.) บริษัท Ridgeback Biotherapeutics และมหาวิทยาลัย Emory ว่าจะไม่คิดค่าสิทธิบัตรของยาต้านไวรัสตัวใหม่ Molnupiravir โดยได้ทำข้อตกลงกับ MPP (The Medicine Patent Pool) ซึ่งเป็นหน่วยงานทางสาธารณสุขที่องค์การอนามัยโลกสนับสนุน
ข้อตกลงดังกล่าว ถือว่าเป็นข้อตกลงแรกที่เกี่ยวกับยาและเทคโนโลยี โควิด-19 โดยมีสาระสำคัญว่า ทั้งสองบริษัทและหนึ่งมหาวิทยาลัย จะไม่ขอรับค่าสิทธิบัตรจากยาต้านไวรัสดังกล่าวทำให้ประเทศรายได้ต่ำ และรายได้ได้ปานกลาง 105 ประเทศ และบริษัทยากกว่า 50 บริษัทในประเทศดังกล่าว สามารถผลิตยา Molnupiravir ได้เองจึงทำให้ราคายาต่อคอร์ส ลดลงอย่างมาก จาก 23,100 บาท( 700 เหรียญสหรัฐ) เหลือเพียง 264 บาท (8 เหรียญสหรัฐ) ลดลงมากกว่า 87.5 เท่าตัว
โดยมีเงื่อนไขว่า การไม่คิดค่าสิทธิบัตรดังกล่าวนั้น จะกระทำต่อเนื่องกันไป ตราบเท่าที่องค์การอนามัยโลกยังประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดของโลก ( Public Health Emergency of International Concern)โดยการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564
ผู้บริหารของ MPP กล่าวว่า เป็นข้อตกลงแรกที่เกี่ยวกับ โควิด-19 ในอดีต MPP ได้ทำข้อตกลงที่ทำให้ประชาชนที่อาศัยในประเทศรายได้ปานกลางและประเทศยากจนได้เข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นกับชีวิตในราคาที่ไม่แพง เช่น กลุ่มยาโรคเอดส์ ยาโรคตับไวรัสตับอักเสบซี และยารักษาวัณโรค เป็นต้น
ยา Molnupiravir เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยมหาวิทยาลัย Emory และให้บริษัท Ridgeback และ Merck เป็นผู้รับสิทธิบัตรในการดำเนินการผลิตต่อไปโดยมีชื่อรหัส MK 4482 และ EIDD 2801 ออกฤทธิ์ต่อต้านการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของไวรัสในการวิจัยเฟสสาม สามารถลดจำนวนผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลได้ถึง 50% ในผู้ป่วยอาการน้อยหรือปานกลาง โดยไม่มีผู้เสียชีวิต
ขณะนี้อยู่ในการทดลองเฟสสาม และได้ยื่นขออนุมัติใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (EUA) ต่อ USFDA และหน่วยงานของทวีปยุโรป (EMA)ถ้าได้รับการอนุมัติ ก็จะเป็นยาตัวแรกของโลก ที่ออกฤทธิ์ต่อต้านไวรัสก่อโรคโควิด-19 โดยตรงและถือเป็นข่าวดีมาก ที่ผู้เป็นเจ้าของและถือสิทธิบัตรยาดังกล่าว ได้ตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากในวงการธุรกิจ ไม่คิดค่าสิทธิบัตรยาใหม่ ที่สามารถทำเงินมหาศาลทำให้ 105 ประเทศทั่วโลก สามารถเข้าถึงยาตัวนี้ได้ในราคาที่ถูกลงกว่า 88 เท่าตัว
ถ้าบริษัทต่างๆที่เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ ได้ดำเนินนโยบายแนวทางเดียวกันนี้ก็จะทำให้ประชาชนกว่าครึ่งโลก ในประเทศที่ยากจนและประเทศรายได้ปานกลาง มีโอกาสได้รับการรักษาอย่างมีคุณภาพและน่าจะลดการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ เป็นการลดความเหลื่อมล้ำของมนุษย์ลงได้อย่างเป็นรูปธรรมผู้เขียนขอแสดงความชื่นชมและขอบพระคุณเป็นอย่างสูง กับทั้งสองบริษัทและหนึ่งมหาวิทยาลัย ที่ร่วมมือกันทำสิ่งที่ดี ที่สวยงาม ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ครับ
ข้อมูล – Chalermchai Boonyaleepun
สามารถติดตามข่าวสาร และ เรื่องดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV
ข่าวที่เกี่ยวข้อง