จับน้ำมันเถื่อน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่สื่อนำเสนอข่าว กลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.ชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน ตบทรัพย์ เจ้าของปั้มน้ำมัน ในเขตพื้นที่ อ.ไชโย จ.อ่างทอง แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีนั้น
ได้รับรายงานจาก สภ.เกษไชโย จว.อ่างทองว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 63 เวลา 12.00 น. ผู้เสียหาย ได้มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สภ.เกษไชโย จว.อ่างทอง ว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.63 เวลา 16.50 น. มีชาย 4 คน แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะปฏิบัติหน้าที่ชุดนอกเครื่องแบบ
โดยมาทำการตรวจใบอนุญาตต่างๆเกี่ยวกับการจำหน่ายน้ำมัน ซึ่งพบว่าใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมที่ 3 ของผู้เสียหาย หมดอายุ ตั้งแต่ปี 2549 โดยกลุ่มชายดังกล่าว แจ้งว่าผู้ต้องหาจะต้องถูกจับกุมและได้มีการเจรจาข่มขู่ ให้ผู้เสียหายจ่ายเงินแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. เวลา 21.30 น. ผู้เสียหาย ได้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.เกษไชโย พร้อมแจ้งว่า กลุ่มชายดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหายไปดำเนินการต่อใบอนุญาตให้เรียบร้อย เพราะหากไม่ดำเนินการจะทำให้มีความผิดและเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก
ซึ่งผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นการข่มขู่เรียกร้องเอาเงิน จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งภายหลัง ผู้เสียหายได้ต่อใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับ ไม่ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิดและผู้เสียหายไม่ได้มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวแต่อย่างใด
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ในเบื้องต้น ทางศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ได้มีคำสั่งให้รายงานข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรม ตลอดจน คลี่คลายข้อสงสัยและให้ความกระจ่างแก่สังคม
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำและกำชับหน่วยปฏิบัติทุกภาคส่วนมาโดยตลอดในการประพฤติปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับตามกฎหมาย โดย ห้ามตำรวจ ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกรับผลประโยชน์ ขูดรีดประชาชน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีเป็นอันขาด
ซึ่งหากพบกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ประกอบกับ ให้พิจารณาโทษทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นฐานปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลความประพฤติ วินัย ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อป้องปรามไม่ให้ตำรวจกระทำความผิดเสียเองและเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ในการทำงานของตำรวจให้กับประชาชน