กระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อปอดอักเสบจาก ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หายดี กลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย เตรียมพร้อมรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ในสนามบินยังคงคัดกรองเข้ม แนะประชาชนประเมินความเสี่ยงตนเอง ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้รับข่าวดี ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หายดี กลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย เป็นคนจีน ที่เหลืออาการดีขึ้น ไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม กระทรวงสาธารณสุขยังคงมาตรการคัดกรองเข้มในท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่ง ผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่ระบาดทุกคนจะต้องผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายอัตโนมัติ ซึ่งมีหลายรูปแบบ ทั้งเครื่องระบบอินฟราเรด (Infrared Thermo Scan) เครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองช่วยสังเกตอาการ พร้อมแจกคำแนะนำสุขภาพ (health beware card)
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ในการเตรียมความพร้อมรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ประเทศจีน วันนี้จะมีการประชุมร่วมกับกรมการกงสุล ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมและให้ได้แนวทางที่ดีที่สุด ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่ทุกคน และเจ้าหน้าที่สายการบิน ที่เดินทางไปรับ รวมทั้งคนไทยที่จะเดินทางกลับจากอู่ฮั่น ด้วยมาตรการคัดกรอง ระบบป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานสูงสุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกคนมีความปลอดภัย กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
“เราเตรียมพร้อมทีมแพทย์ไทย มีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และการป้องกันควบคุมโรค ให้การดูแลตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน คนไทยที่เดินทางกลับมีความปลอดภัยสูงสุด และประชาชนในประเทศต้องปลอดภัยด้วย” นายแพทย์โสภณกล่าว
ขอแนะนำให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงตนเอง กลุ่มที่เสี่ยงต่ำ คือผู้อยู่บ้านไม่ได้เดินทางไปไหน ให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ให้หมั่นล้างมือ กลุ่มที่เสี่ยงปานกลางถึงสูง คือ ผู้ที่ทำงานสัมผัสกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ปิด เช่น ผู้ขับขี่รถสาธารณะ ต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อย่างเคร่งครัด สอบถามเพิ่มเติมที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง