สบส. ยังไม่สั่งปิดคลินิกสยอง ดูดไขมันดับ ชี้ข้อหาไม่ร้ายแรง แต่สงสัยทำไมไม่ต้องผู้ป่วยไปโรงพยาบาล เตือนยาฉีดบางชนิดอาจทำให้ความดันตก
22 ก.พ. 64 เมื่อเวลา 12.00 น. นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรม สบส. และทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ หลังนางศรัณย์ภัทร์ กาญจนสุวรรณ์ อายุ 54 ปี น้องสาวของอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ารับบริการดูดไขมันเสริมความงาม แต่เสียชีวิตระหว่างเข้ารับบริการ
นายแพทย์ธเรศ เปิดเผยว่า วันนี้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อดูว่าคลินิกแห่งนี้มีการใบอนุญาตและกอบเวชกรรมถูกต้องหรือไม่ รวมไปถึงใบประกอบวิชาชิพของแพทย์ และผู้ที่เกี่ยวของ ร่วมไปถึงมาตราฐานของคลินิกว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
ภายหลังการเข้าตรวจสอบนานว่า 30 นาที นายแพทย์ธเรศ เผยว่า หลังจากที่ สบส. ได้รับข่าวว่ามีผู้เสียชีวิต จากการรับบริการดูดไขมัน จึงส่งทีมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการตรวจเบื้องต้นคลินิกแห่งนี้เปิดให้บริการประเภท ไม่รับผู้ป่วยค้างคืน อาคารของคลินิกมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้น 3 เป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก ชั้นสองเป็นชั้นที่ให้บริการเรื่องความงาม และเก็บอุปกรณ์ยา
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าถูกมาตรฐานตามที่ขออนุญาต และมีการขออนุญาตจัดทำ ห้องผ่าตัดขนาดเล็กด้วย ภายในห้องผ่าตัดที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเอาอุปกรณ์วัดสัญญานชีพ และเครื่องฟื้นคืนชีพไปเป็นพยานหลักฐานทางคดี
แต่สิ่งที่ผิดกฎหมาย คือ ทางคลินิกขอใบอนุญาต ดำเนินให้การรักษาช่วงเวลา 17.00-20.00 น. ซึ่งไม่ตรงกับเวลาที่ให้บริการผู้เสียชีวิต ที่ทางคลินิกให้บริการ เวลา 12.00-14.00 น.
โดยทาง สบส.จึงจะดำเนินการไปแจ้งความ ข้อหา ดำเนินการประกอบกิจการสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.สถานพยาบาล 2541 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ ทั้งจำ ทั้งปรับ ในส่วนกรณีของผู้ป่วยเสียชีวิต ทาง สบส.จะทำหนังสือเชิญหมอที่ดำเนินการหัตถการกับผู้เสียชีวิตไปให้ข้อมูล กับทางแพทย์สภา เพื่อพิจารณาว่าดำเนินการไปตามมาตรฐานวิชีพหรือไม่ แต่ทางหมอที่ทำการหัตถการ ได้พยายามช่วยฟื้นคืนชีพแล้ว แต่ไม่สำเร็จ แต่ในส่วนที่ลูกของผู้เสียชีวิต ตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดทางคลินิกถึงไม่ส่งผู้ตายไป รพ.อย่างเร่งด่วนนั้น ทางคลินิกชี้แจงว่า อยู่ในขั้นตอนระหว่างการส่งต่อ ซึ่งอาการของผู้เสียชีวิตในขณะนั้นไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายเอง
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้เสียชีวิต ในระหว่าการดูดไขมันนั้น นายแพทย์ธเรศ ระบุว่า การดูดไขมันเป็นหัตถการรักษาที่มีความเสี่ยง ซึ่งเสี่ยงตั้งแต่การใช้ยา เพื่อทำให้คนไข้ ลดความเจ็บปวด เพราะยาบางชนิดอาจทำให้ความดันตก หรือ เกิดจากการใช้เครื่องมือสอดเข้าไป หากดูดไขมันออกในปริมาณที่มากและรวดเร็ว อาจทำให้ร่างกายช็อคได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น จะยังไม่สั่งปิดสถานประกอบการ เพราะยังไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง