เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา นำโดย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยสมาชิกกรรมาธิการ และนายมณเฑียร บุญตัน ประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการคนพิการ วุฒิสภา รับหนังสือจากนายสุชาติ โอวาทวรณสกุล นายกสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยและภาคีเครือข่าย เพื่อขอให้พิจารณาการเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับคนพิการ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า โควิด-19
นายสุชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด -19 มีคนพิการและครอบครัว จำนวนมากที่ประสบศวามเดือดร้อน อาทิ กลุ่มคนพิการผู้ค้าสลาก กลุ่มหมอนวดพิการ กลุ่มคนพิการนักแสดงในที่สาธารณะ ผู้ดูแลคนพิการและครอบครัวที่ต้องออกจากงานแต่ยังต้องดูแลลูกพิการ เป็นต้น แต่การที่ธนาคารหลายแห่งปฏิเสธคนพิการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยฉพาะการปฏิเสธคนพิการเปิดบัญชีเงินฝากธนคาร ถือเป็นการซ้ำเติมและส่งผลกระทบอันใหญ่ต่อคนพิการ ทำให้คนพิการจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐบาลได้
“มาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้คนพิการทุกคนจำนวน 2 ล้านคน คนละ 1,000 บท จำนวนหนึ่งครั้ง ซึ่งกรมบัญชีกลางจะโอนเงินให้คนพิการในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 แต่ยังมีคนพิการกว่าสี่แสนคนที่ไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร ส่วนหนึ่งเป็นพราะธนาคารไม่ยอมให้เปิดบัญชีเงินฝากธนาศาร ทำให้คนพิการเหล่านั้นจะได้รับเงินยียวยาล่าช้ากว่าคนพิการที่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร เพราะต้องรอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยดำเนินการจ่ายเป็นเงินสดให้ ขณะที่มาตรการการปรับสวัสติการเบี้ยความพิการ จากเดือนละ 800 บาทต่อคนต่อเดือนเป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือนให้คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการที่อายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 120,000 คน” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวว่า กรณีที่ธนาคารบางแห่งไม่ยอมให้เด็กพิการทางสติปัญญาเบิดบัญชีธนาคาร ถึงแม้จะมีผู้ปกครองไปร่วมปิดด้วย รวมถึงมาตรการที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขอความร่วมมือจากพัฒนาสังคมจังหวัด(พมจ.) และอาสาสมัครพม. องค์กรด้านคนพิการและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้สำรวจและเยี่ยมเยียนคนพิการจำนวนอีกกว่า 70,000 คนที่ยังไม่ได้รับเบี้ยความพิการ แต่คนกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้รับความร่วมมือจากธนาคารให้เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับเบี้ยความพิการก็ได้ และโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ/ผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ของธนาคารออมสิน กรณีที่คนตาบอดได้รับการพิจารณาอนุมัติสินชื่อดังกล่าวจากธนาคารแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ประจำสาขาที่รับผิดชอบการทำสัญญากลับปฏิเสการเข้าทำสัญญาของคนตาบอด โดยให้เหตุผลว่าคนตาบอดในฐานะผู้ไม่สามารถลงลายมือชื่อในสัญญาได้
“ยังมีกรณีมาตรการเยียวยาและพื้นฟูอีกมากมายที่จะต้องดำเนินการตามแผนงานและโครงการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้งิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและพื้นฟูศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากกรระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 พ.ศ 2563 (1 ล้านล้านบาท) ซึ่งล้วนแต่ต้องอาศัยการทำธุรกรรมทางการเงินแทบทั้งสิ้น เช่น มาตรการที่จะจ่ยเงินเยี่ยวยาให้แก่คนพิการคนละ 1,000 บาท 3 เดือน จึงขอให้คณะกรรมาธิการคุ้มครองสิทธิคนพิการให้สามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างเท่าเทียมเป็นธรรมปราศจากการใช้ดุลพินิจในลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายสุชาติ กล่าว
ด้านนายวัลลภ กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ จะรับเรื่องไว้ และจะเร่งประสานไปยังธนาคาร เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือคนพิการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่า ยังมีคนพิการจำนวนมาก ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ โดยหลังจากนี้จะหารือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และท้องถิ่น เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือคนพิการให้สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ ได้อย่างทั่วถึงและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างยั่งยืน