ถือว่าเป็นข่าวใหญ่อีกหนึ่งข่าว เฝ้าจับตา 2 ค่ายแบรนด์ดัง “ทรู-ดีแทค” เตรียมควบรวมกิจการ หากเป็นจริงจะก้าวเป็นที่1 ผู้นำตลาดค่ายมือถือ ที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุดในประเทศ
เมือวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ทางด้านของเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์เกี่ยวกับประเด็นใหญ่ที่เป็นที่พูดถึงในแวดวงสื่อ นั้นคือจากกรณีข่าวลือ บ.ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจรจาขอซื้อหุ้นใน บ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หากเกิดการควบรวมของทั้งสองค่าย อย่างทรูและดีแทค จะขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการมือถือเบอร์หนึ่ง เป็นผู้นำตลาดแทน เอไอเอส ที่มีผู้ใช้บริการ 40 กว่าล้านเลขหมาย ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวได้ระบุรายละเอียดดังนี้
รายงานข่าวจากกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ระบุ กลุ่มเทเลนอร์ซึ่งมีบริษัทลูกที่เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม คือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กำลังเจรจากับกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพีกรุ๊ป) เพื่อควบรวมกิจการเข้ากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู
อันจะส่งผลให้เกิดบริษัทใหม่ที่กลายเป็น ‘ผู้นำตลาด’ โทรคมนาคมในประเทศไทย มูลค่าราว 7,500 ล้านดอลลาร์ โดย Refinitiv Eikon data ประเมินว่า ดีแทค มีมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนทรู มีมูลค่าอยู่ที่ 4,500 ล้านดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างความเห็นของนาย แมดส์ โรเซนดาล นักวิเคราะห์ดอยชต์แบงก์ ระบุ ความตกลงดังกล่าว หากได้รับความเห็นชอบ จะส่งผลให้เกิดบริษัทใหม่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในไทยที่ 52 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าผู้นำตลาดในปัจจุบันคือ เอไอเอส ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 44 เปอร์เซ็นต์
มีรายงานว่า เทเลนอร์ กรุ๊ป บริษัทแม่ของดีแทค ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์แล้วว่า ดีแทคและกลุ่มทรูฯ จะมีการดำเนินกิจการร่วมกันในรูปแบบอีโค พาร์ทเนอร์ ชิพ และคาดว่าจะมีการแถลงความชัดเจนในวันที่ 22 พ.ย.นี้
ขณะที่ ‘ดีแทค’ ส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ ระบุ จะได้ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามข้อบังคับต่อไป เช่นเดียวกับ ‘ทรู’ ที่มีหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน ‘ทรู’ มีผู้ใช้งานกว่า 32.0 ล้านเลขหมาย ส่วน ‘ดีแทค’ มีผู้ใช้งาน 19.3 ล้านเลขหมาย หากทั้ง 2 บริษัทควบรวมกัน จะทำให้มีผู้ใช้งานราว 51.3 ล้านเลขหมาย ซึ่งมากกว่าผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเบอร์ 1 ของตลาดอย่าง ‘เอไอเอส’ ที่ 43.7 ล้านเลขหมาย
สามารถติดตามข่าวสาร และ เรื่องดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV
ข่าวที่น่าสนใจ