กรมศุลเผย ไทย ‘ส่งออก’ หน้ากากอนามัย มากกว่านำเข้า เผย 2 เดือน ยอดทะลุ 330 ตัน นำเข้า 210 ตัน แจงเป็นการส่งออกถูกต้องตามกระทรวงพาณิชย์ ปลายทางคือ จีน ฮ่องกง อเมริกา
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ภาพรวมการส่งออกหน้ากากอนามัยในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด พบว่าเดือน ม.ค. 63 อยู่ที่ 150 ตัน และเดือน ก.พ.63 อยู่ที่ 180 ตัน รวมแล้ว 2 เดือน มีการส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งสิ้นกว่า 330 ตัน คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท โดยกรมศุลฯ ยืนยันว่าการส่งออกหน้ากากอนามัย ได้ทำถูกต้องตามใบอนุญาตที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อนุญาตมา ซึ่งการส่งออกดังกล่าวเป็นการดำเนินการของผู้ประกอบการไม่กี่ราย ไปในหลายประเทศทั้ง จีน ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา
ส่วนสถิติการนำเข้าหน้ากากอนามัยในเดือน ม.ค.63 อยู่ที่ 145 ตัน และเดือน ก.พ. 63 อยู่ที่ 71 ตัน รวม 216 ตัน มูลค่า 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีนและต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 5% ของมูลค่าที่สำแดง อย่างไรก็ตามสถิติการนำเข้าและส่งออกได้คำนวณตามปริมาณน้ำหนักที่สำแดง กรมฯไม่สามารถบอกว่ามีกี่ชิ้นได้ เพราะแต่ละชนิดหน้ากากมีน้ำหนักต่างกัน
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า เชื่อว่าหลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์เข้มงวดการส่งออกเรื่องนี้มากขึ้น ยอดการส่งออกหน้ากากอนามัยเดือนมี.ค.จะชะลอตัวลง ขณะเดียวกันได้ประสานให้ด่านศุลกากรทั่วประเทศใช้เครื่องสแกนตรวจเข้มงวดการลักลอบส่งออกนำเข้าหน้ากากอนามัย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบจับกุมรายใหญ่ มีเพียงแค่หลักพันหลักหมื่นชิ้นเท่านั้น
ส่วนกรณีมีข่าวในเพจสื่อสังคมออนไลน์เรื่อง หน้ากากอนามัย 5 ล้านชิ้นถูกกักโดยกรมศุลกากร และมีการขอส่วนแบ่ง 2 ล้านชิ้น ว่า กรมฯได้ตรวจสอบแล้ว และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ทั้งในส่วนรูปภาพที่เหมือนกับการลงขายหน้ากากอนามัยของอินโดนิเซีย ที่สำคัญได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากด่านศุลกากรท่าเรือ ท่าเรือกรุงเทพ ท่าแหลมฉบัง และด่านศุลกากรสุวรรณภูมิ พบว่า ไม่มีกรณีการกักหน้ากากอนามัย หรือการเปิดนำเข้าหน้ากากรายใหญ่ 5 ล้านชิ้นเลย เต็มที่มี 1-2 ล้านชิ้น เท่านั้น และได้ตรวจปล่อยไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้เจ้าของข้อมูลชี้แจง แก้ไข หรือลบข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
ส่วนกรณีที่มีการแชร์ว่ากรมศุลกากรส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจราคาหน้ากากอนามัยที่ขายตามร้านขายยาว่ามีการขายเกินราคาหรือไม่นั้น ยืนยันว่า กรมฯ ไม่มีนโยบายและไม่มีเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจจับว่ามีการขายหน้ากากอนามัยเกินราคา เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย