วันที่ 6 มกราคม 2563 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Watana Muangsook” ถึงกรณีการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และรวมไปถึงกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” โดยระบุว่า…
“หลังจากหมดอำนาจตามมาตรา 44 ที่ใช้ปิดปากประชาชนคนไทยก็ได้รับรู้ข่าวสารทางการเมืองมากขึ้นว่าเกือบ 6 ปีที่ประเทศนี้ถูกยึดอำนาจจนมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญที่ออกแบบให้พลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจต่อได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองมากมายเพียงใด
หายนะทางที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศนับวันจะแก้ไขยากขึ้นตามลำดับ ผลของการบริหารที่ขาดไร้ซึ่งสติปัญญาทำให้กำลังซื้อของคนไทยตกส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายกลางค้าขายไม่ได้เจ๊งตามคนซื้อไปด้วย ผลกระทบที่ตามมาคือโรงงานอุตสาหกรรมต้องลดกำลังการผลิตหรือปิดตัวลงเพราะขายของไม่ได้ทำให้คนตกงาน เมื่อไม่มีการลงทุนก็ยิ่งทำให้เงินบาทแข็งค่าทำให้การส่งออกที่แย่อยู่แล้วกลายเป็นหมดหวังสุดท้ายคือการท่องเที่ยวที่เคยเป็นพระเอกทำเงินให้กับประเทศต้องพังตามไปด้วย
ขณะนี้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของไทยทุกตัวดับสนิทลงแล้วซึ่งผมเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของพลเอกประยุทธ์กับพวกที่ทำกันมาแล้วเกือบ 6 ปี ไม่สามารถแก้ไขปัญญาได้ ทางออกเดียวคือต้องหาทีมบริหารหรือรัฐบาลใหม่ที่มาจากประชาชนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นอันจะนำมาซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้หากมีการเลือกตั้งอีกก็จะได้พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลบาลเสียงปริ่มน้ำจนต้องมาทางโกงด้วยการซื้อตัว ส.ส. ฝ่ายค้านจนเกิดการเมืองแบบงูเห่าอย่างที่กำลังเป็น
การแสดงออกของประชาชนภายใต้กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” จึงเป็นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ สมควรที่ผู้ที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์พึงสำเหนียกจะได้ไม่หลับหูหลับตาหนุนกันต่อไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปิดกั้นการใช้เสรีภาพของประชาชนพึงตระหนักว่าที่กฎหมายกำหนดให้แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกให้ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่อนุญาตหรือไม่อนุญาตเพราะเป็นเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
น้องเฟลูกสาวผมมาขออนุญาตไปวิ่งไล่ลุงด้วยโดยส่งรูปมาให้ผมดูเป็นหลักฐานว่าเตรียมตัวพร้อมแล้ว ผมบอกลูกไปว่าพ่อไม่มีอำนาจจะอนุญาตหรือไม่เพราะเป็นเสรีภาพของลูก ส่วนพ่อไล่คนพวกนี้มานานแล้วเพราะยิ่งอยู่ก็ยิ่งทำให้บ้านเมืองเสียหายแต่ไม่ทราบว่าคนที่ยังหนุนอยู่ตาสว่างหรือยัง”
