ราชกิจจา ประกาศศาลปกครอง ห้ามเดินทางไป 11 ประเทศ เสี่ยงติด โควิด-19

โควิด-19 | วันที่ 1 มีนาคม 2563 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลปกครอง(ก.บ.ศป.) เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019 : COVID-19) มีรายละเอียดดังนี้

โดยที่กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างต่อเนื่อง และปรากฏข้อเท็จจริงว่าบัดนี้มีผู้ได้รับการวินิจฉัยโรคติดเชื้อดังกล่าวแล้วเป็นจำนวนมาก และโรคติดเชื้อนี้ยังได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปยังหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลกประกอบกับคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2563 วันที่ 24 ก.พ. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ให้เพิ่มโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ก.บ.ศป. ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการบริหารราชการศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ แบบแผน ประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และนโยบายของประธานศาลปกครองสูงสุด

จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากรของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง และเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการในที่สุด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 41/8(1) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2560 ก.บ.ศป. จึงออกประกาศดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ห้ามมิให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการต่างประเทศ อนุญาตหรืออนุมัติให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองไปต่างประเทศหรือเดินทางไปราชการต่างประเทศ ยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งมีกำหนดการเดินทางตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ โดยประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ประกอบด้วย

1.สาธารณรัฐเกาหลี (South Korea)
2.สาธารณรัฐจีน (Taiwan)
3.สาธารณรัฐประชาชนจีน
4.เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
5.เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
6.ญี่ปุ่น
7.มาเลเซีย
8.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
9.สาธารณรัฐสิงคโปร์
10.สาธารณรัฐอิตาลี
11.สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
12.ประเทศหรือเขตการปกครองอื่นตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศกำหนด

ข้อ 2 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศหรืออนุมัติให้เดินทางไปราชการยังประเทศหรือ เขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ตามข้อ 1 ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการต่างประเทศมีคำสั่งยกเลิกการอนุญาตหรือการอนุมัติดังกล่าวในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองมีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางดังกล่าวได้ ให้ยื่นขออนุญาตต่อผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการเพื่อพิจารณาเป็นรายกรณี และเมื่อเดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยแล้ว ให้ดำเนินการตามข้อ 3

ข้อ 3 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองผู้ใดเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) และกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการทราบโดยเร็วในวาระแรกที่สามารถกระทำได้นับแต่วันที่เดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทย และให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการพิจารณาสั่งให้ผู้นั้นหยุดราชการเป็นเวลาสิบสี่วันนับจากวันที่กลับมาถึงราชอาณาจักรไทย เพื่อแยกตัวเอง (Self-quarantine) และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำการป้องกันควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข โดยเคร่งครัด
การสั่งให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตไปต่างประเทศตามวรรคหนึ่งหยุดราชการ ให้ถือเป็นการลาป่วย
การสั่งให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางไปราชการตามวรรคหนึ่งหยุดราชการ ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณีมอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย

ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองซึ่งได้รับ การสั่งให้หยุดราชการตามวรรคหนึ่ง เมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กําหนดและไม่ปรากฏอาการใดให้กลับมา ปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามปกติ ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ให้สวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติ ตามคําแนะนําการป้องกันควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยเคร่งครัดอีก 14 วัน

ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองผู้ใด ซึ่งเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง หรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้ง ให้ผู้มีอํานาจดําเนินการทางวินัยข้าราชการ ศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองพิจารณาดําเนินการทางวินัย ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องข้อ 4 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ผู้ใดมีบุคคลที่พักอาศัยหรืออยู่ในสถานที่ทํางานเดียวกัน และมีประวัติการเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ แก่ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี ทราบโดยเร็วในวาระแรกที่สามารถกระทําได้ และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี พิจารณาสั่งให้ผู้นั้น หยุดราชการเป็นเวลาสิบสี่วันนับจากวันที่ได้รับแจ้ง กับทั้งให้ดําเนินการตามข้อ 3 โดยอนุโลม ทั้งนี้ การหยุดราชการตามข้อนี้ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี มอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย
ข้อ 5 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครองผู้ใดแม้มิได้เดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยง ต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) แต่มีภาวะเสี่ยง ต่อโรคติดเชื้อดังกล่าว ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี ทราบโดยเร็วในวาระแรกที่สามารถกระทําได้ และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี พิจารณาสั่งให้ผู้นั้น หยุดราชการเป็นเวลาสิบสี่วันนับจากวันที่ได้รับแจ้ง กับทั้งให้ดําเนินการตามข้อ 3 ทั้งนี้ การหยุดราชการ
ตามข้อนี้ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ – สํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี มอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย
ข้อ 6 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครองผู้ใดมีการเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยง ต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) หรือแม้มิได้เดินทาง ไปยังประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) แต่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อดังกล่าว ก่อนที่ประกาศนี้จะมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา ให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครองผู้นั้นดําเนินการตามข้อ 3 หรือข้อ 5 แล้วแต่กรณี โดยอนุโลม การหยุดราชการ ตามข้อนี้ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ สํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี มอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย
ข้อ 7 ให้ศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครองงดหรือเลื่อนการเชิญบุคคลจาก ต่างประเทศมาร่วมการประชุม สัมมนา หรือการดําเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาลปกครองและ สํานักงานศาลปกครองระหว่างระยะเวลาตามประกาศนี้ออกไปก่อน เว้นแต่มีความจําเป็น อย่างยิ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงการประชุม สัมมนา หรือการดําเนินการดังกล่าวได้ และหากมีค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นแล้วก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามที่จ่ายจริง
ข้อ 8 ให้สํานักงานศาลปกครองกําหนดมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) สําหรับบุคคลภายนอก เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานทําความสะอาด ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมาปรับปรุงอาคาร ที่เข้าดําเนินกิจกรรมหรือ ปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในพื้นที่อาคารศาลปกครองและพื้นที่เช่าของสํานักงานศาลปกครอง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยใช้มาตรฐานการป้องกันโรคติดเชื้อดังกล่าวตามประกาศนี้โดยอนุโลม
ข้อ 9 ให้ศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครองเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยให้สํานักงานศาลปกครองดําเนินการ ดังต่อไปนี้

(1) สร้างความตระหนักรู้ จัดทําสื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ เช่น โปสเตอร์ คลิปวีดิโอ แนะนําวิธีการล้างมือที่ถูกวิธี การสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกวิธี และการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19)
(2) จัดให้มีอุปกรณ์สําหรับการล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ และจัดสถานที่สําหรับล้างมือ ในจุดต่าง ๆ เช่น บริเวณทางเข้าอาคารสํานักงาน โถงลิฟต์ ห้องประชุม ห้องพิจารณาคดี โรงอาหาร
(3) จัดให้มีการทําความสะอาดอุปกรณ์และบริเวณที่มีผู้สัมผัสปริมาณมากอย่างสม่ำเสมอ เช่น ลิฟต์ ราวบันได โต๊ะทํางาน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
(4) จัดให้มีการทําความสะอาดพื้นและบริเวณห้องที่ใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น ห้องทํางาน ห้องประชุม ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องสมุด
(5) จัดให้มีการทําความสะอาดรถยนต์ส่วนกลางในบริเวณที่สัมผัสกับผู้โดยสาร เช่น ที่จับบริเวณประตู ราวจับ เบาะนั่ง ที่วางแขน
(6) ส่งเสริมให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง มีของใช้ส่วนตัวที่จําเป็น เช่น แก้วน้ํา ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า และงดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
(7) ดําเนินการเฝ้าระวังและคัดกรองอย่างเหมาะสมสําหรับผู้ที่มาติดต่อราชการ เช่น การวัด อุณหภูมิร่างกาย และให้บริการหน้ากากอนามัย
(8) การอื่นใดที่เห็นว่าเหมาะสมและจําเป็น
ข้อ 10 ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองโดยความเห็นชอบของประธานศาลปกครอง สูงสุดมีอํานาจกําหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามประกาศนี้ได้

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 หรือจนกว่า ก.บ.ศป. จะมีมติเป็นอย่างอื่น

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ด่วน! เครนยักษ์ ถล่มทับคนงาน เบื้องต้นมีรายงานการเสียชีวิต 6 ราย

ด่วน! เครนยักษ์ ถล่มทับคนงาน ไซด์งานก่อสร้าง ในโรงงานแห่งหนึ่ง ในจ.ระยอง เบื้องต้นมีรายงานการเสียชีวิต 6 ราย

ทัวร์ลงยับ! หนุ่มสงสัย หลังได้ใบสั่ง ‘ไม่จอดรถให้คนข้าม’ ลั่น ข้อหานี้มีด้วยเหรอ?

หนุ่มสงสัย! โพสต์โวยได้ใบสั่ง ‘ไม่จอดรถให้คนข้ามถนน’ แต่คดีพลิก เมื่อชาวเน็ตพาทัวร์ย้อนกลับ ไปสอบใบขับขี่มาจากไหน

เจ้าของร้านหมูกระทะ แจงดราม่า ใช้ไม้เรียวตีพนักงาน เป็นไปตามข้อตกลง

แขวะกลับแรง! เจ้าของร้านหมูกระทะ ย่านพัทยา แจงดราม่า ใช้ไม้เรียวตีพนักงาน พร้อมโพสต์เฟซฟาดชาวเน็ต อย่าตัดสินอะไรที่ยังไม่รู้จากปาก

เตรียมซึ้งกับเจ้าพ่อเพลงอกหัก “YOUNG CAPTAIN” ในคอนเสิร์ต 11 พ.ค. นี้!

เตรียมซึ้งกับเจ้าพ่อเพลงอกหักจากจีน “YOUNG CAPTAIN” พร้อมบินมาดามใจเหล่าสาวกคนใจอ่อน ที่ประเทศไทยกันแล้ว 11 พ.ค. นี้

5 ราศี การงาน – การเงิน – โชคลาภ เป็นดั่งใจหวัง

อาจารย์กิติคุณ พลวัน เผย ดวงเมษายน 2567 : 5 ราศี หลุดจากบ่วงความทุกข์ ก้าวสู้ความสุข พร้อมแจกเลขมงคล และวิธีเสริมดวงสุดปัง!
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า