รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จับเข่าคุย ทูตญี่ปุ่น ดันขยายการศึกษาร่วมไทย-ญี่ปุ่น ปรับหลักสูตรการศึกษารองรับตลาดแรงงาน
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลัง นายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้องดำณงราชานุภาพ กระทรวงศึกษาธิการ ว่า ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับนายชิโร โดยเฉพาะเรื่องความร่วมมือในการจัดการศึกษาโคเซ็น ซึ่งไทยได้ร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นจัดการศึกษาไทย-โคเซ็น ซึ่งมีประสิทธิภาพอย่างมาก ตนเองมั่นใจว่าหากขยายผลจากโครงการนี้จะสามารถทำให้ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างมาก ถึงแม้จะเริ่มต้นในสัดส่วนที่เล็กๆ ดังนั้น ตนจึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว หากมีความสำเร็จก็จะมีการวางแผนงานเพื่อขยายผลให้เป็นวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
นายณัฎฐพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พูดคุยถึงแผนงานการลงทุนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตนให้ความมั่นใจกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นว่า ทางรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนของประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น เมื่อได้พูดคุยและลงในรายละเอียดในประเภทของธุรกิจ และจำนวนของความต้องการกำลังคน รวมถึงความร่วมมือในการให้ความรู้ผ่านบริษัทต่าง ๆที่จะมาร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษาที่มีอยู่ และหลักสูตรในระดับมัธยมศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) รวมถึงกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งหน่วยงานวิจัยก็จะต้องขยับไปตามการเจริญเติบโตของตลาดในอนาคตด้วย
“ผมจะหารือและมอบนโยบายให้ผู้บริหาร ศธ.ไปบริหารให้มีความคร่องตัวในการจัดสถาบันการศึกษา และโรงเรียนให้จัดการศึกษาตรองกับธุกิจหรือความต้องการของตลาดในพื้นที่นั้น ๆ หมายความว่าหลักสูตร และโรงเรียนจะต้องมีความยืดหยุ่น เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาประกอบอาชีพได้ตรงกับความต้องการของตลาด ผมคิดว่าปัญหาใหญ่ ณ ปัจจุบันนี้ ที่เรายังไม่ได้สร้างโอกาส หรือยังไม่มีความยืดหยุ่นในหลักสูตรและในโรงเรียน สถานศึกษาเพียงพอ จึงเป็นหน้าที่ของ สอศ.และสพฐ.ที่จะรับไปปรับปรุง และภายใน 2 สัปดาห์ให้นำข้อมูลกลับมาดูกันว่าในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ ธุรกิจคลังแสง ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ที่จะขยายตัวในประเทศไทย ที่กระทรวงศึกษาฯจะต้องเตรียมกำลังคนให้พร้อมรองรับ” รมว.ศธ.กล่าว
อ่านข่าว Bright Today