พรรคก้าวไกล เตรียมยื่นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์ ม.1448 หมวดว่าด้วยการสมรส อีกทั้งมีการเปลี่ยนคำที่กำหนดบทบาททางเพศ เพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ
ในวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้า พรรคก้าวไกล กล่าวแถลงถึงร่างกฎหมายแห่งความภาคภูมิใจฉบับล่าสุดที่ยื่นต่อสภา เพราะกว่าจะได้กฎหมายฉบับนี้มาไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก มีอุปสรรคพอสมควร ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองและโรคระบาดที่เข้ามาคั่นช่วง แต่คณะทำงานด้านความหลากหลายทางเพศของพรรคยังคงทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชนด้านความหลากหลายทางเพศเรื่อยมา ตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่จนกระทั่งสืบเนื่องมาเป็นพรรคก้าวไกล กฎหมายฉบับนี้ก็คือ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์ ม.1448 หมวดว่าด้วยการสมรส ให้ทันต่อกาลสมัยและสอดคล้องกับโลกปัจจุบัน โดยนัยว่าความภาคภูมิใจนี้ก็คือ ก้าวแรกที่เดินออกไปเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเท่าเทียมเสมอภาคกันในสังคมอันเป็นพันธกิจหลักที่เราจะต้องสานต่อภารกิจอนาคตใหม่ให้สำเร็จ
“เดือนนี้คือเดือนแห่งความภาคภูมิใจ หรือ Pride Month เราจึงขอประกาศว่า บัดนี้การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหมวดแห่งการสมรสได้สิ้นสุดเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว พรรคก้าวไกลขอเป็นตัวแทนพี่น้องความหลากหลายทั้งประเทศ ยื่นร่างแก้ไขกฎหมาย 69 มาตรา ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เรามั่นใจว่าท่านจะบรรจุวาระเพื่อให้ ส.ส. ซึ่งตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศได้ช่วยกันปักหมุดหมายดำเนินการให้คนทุกคน ทุกเพศสภาพ ทุกเพศวิถี สามารถเข้าถึงการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน”
ในร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้ ระบุว่า จะมีการเปลี่ยนคำว่า “ชาย-หญิง” ให้เป็นคำว่า “บุคคล-บุคคล” เนื่องจากม่ต้องการให้กฎหมายเลือกปฏิบัติทางเพศ บุคคลที่รักกันและต้องการใช้ชีวิตร่วมกัน จะต้องมีสิทธิ์ในการจัดการทรัพย์สิน มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต เช่นเดียวกับที่คู่สมรส ชาย-หญิง มี เพราะมันเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดที่ประชาชนทุกคนควรจะได้รับ
มีการเปลี่ยนคำว่า ‘สามี-ภรรยา’ เนื่องจากเป็นการกำหนดเพศและบทบาทหน้าที่ของคู่สมรสให้มีแค่ชาย (สามี) และหญิง(ภรรยา) เช่นกัน จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนคำว่า ‘สามี-ภรรยา’ ให้กลายเป็น ‘คู่สมรส’ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสลายข้อจำกัดเดิมทางความหมายเดิมที่มีเพียงสองเพศแล้ว ยังเป็นการสลายภาระหน้าที่ว่าสามีต้องเป็นแบบนั้น ภรรยาต้องเป็นแบบนี้ที่ติดตามมาพร้อมกับคำว่า สามี-ภรรยา ซึ่งคำว่า คู่สมรส ก็เป็นคำที่ใช้กันทางกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ใช่คำใหม่ที่คิดเพิ่มเติมขึ้นมา มีศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกันกับคำเดิม เพราะฉะนั้นการใช้คำในกฎหมายฉบับนี้จึงไม่กระทบกับผู้หญิงและผู้ชาย สิทธิและการคุ้มครองต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติ เพราะฐานคิดของกฎหมายนี้ก็คือการเคารพในทุกเพศให้มีความเสมอภาคกัน
“การเลือกปฏิบัติคือการกีดกันความคิดและเสรีภาพ การเลือกปฏิบัติคือการกีดกันทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม และการเลือกปฏิบัติคือการกีดกันความรัก”
พรรคก้าวไกล ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่กฎหมายว่าด้วยการสมรสอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ เพราะกฎหมายการสมรสเป็นเรื่องของการจัดการทรัพย์สิน มรดก กรรมสิทธิ์ การกู้เงิน อสังหาริมทรัพย์ การเลี้ยงดูบุตร โครงสร้างครอบครัว รวมถึงการได้รับสิทธิ์ สวัสดิการ และการคุ้มครองต่างๆ จากรัฐในฐานะคู่สมรส ดังนั้น การจะได้รับสิทธิจากรัฐ ใบทะเบียนสมรสจึงเป็นเสมือนบัตรผ่านไปสู่สิทธิตามกฎหมายที่ประชาชน “ทุกคน” ต้องได้รับอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน และทางพรรคกำลังต้องการความร่วมมือร่วมใจจากทุกคนเพื่อมาปรับปรุงแก้ไขจุดนี้ และย้ำอีกว่ารัฐควรรับรอง ‘สิทธิ์อย่างเสมอหน้ากันตามกฎหมาย’ให้ประชาชน ‘ทุกคน’
ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการแต่งงานของผู้มีความหลากหลายทางเพศในสังคมอย่างที่เราเห็น แต่ทางพรรค ก็ได้ชี้แจงว่า การแต่งงานคืองานพิธีตามประเพณีของคู่แต่งงาน แต่การสมรสคือการจดทะเบียนตามกฎหมาย ที่เราเห็นคู่แต่งงานเพศเดียวกันจัดงานแต่งกัน เขาแค่จัดงานฉลองแต่งงานกันได้ แต่ไม่สามารถสมรสกันตามกฎหมายได้ ทำให้เขาไม่ได้รับสิทธิหน้าที่ สวัสดิการและความคุ้มครองตามกฎหมายที่ประชาชนทุกคนควรจะเป็น และนี่คือภาพลวงตาของความไม่เท่าเทียมกันที่เกิดขึ้น
กฎหมายฉบับนี้ เป็นเครื่องรับประกัน “ปากท้อง” ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ เนื่องจาก การเข้าถึงสิทธิการกู้ร่วมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย การเซ็นยินยอมเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลของคู่สมรส การจัดการทรัพย์สิน มรดก สวัสดิการ การดูแลคุ้มครองและเรื่องต่างๆ ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง “ปากท้องและชีวิต” ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ทางพรรค ชี้แจงว่า นี่ไม่ใช่การยก LGBT ให้ขึ้นมาเหนือกว่าชายหญิง หรือคนกลุ่มใดมีสิทธิเหนือกว่าใคร แต่คือการทำคนให้เท่ากัน ซึ่งการสมรสนั้นก็คือ ‘สิทธิขั้นพื้นฐาน’ ที่มนุษย์ทุกคนพึงมีและพึงได้ และการถอดมายาคติและบทบาทหน้าที่ของความเป็นสามี-ภรรยา ชาย-หญิง ออกไป เป็นเรื่องที่ต้องทำไปพร้อมกันเพื่อความเท่าเทียมกันทางเพศด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : พรรคก้าวไกล – Move Forward Party