แก๊งอุ้มฆ่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1(ผบช.ภ.1) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายประวิท เกตุสกุล หรือ ต่อ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหา”ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ และร่วมกันฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพฯ โดยจับกุมได้ ริมถนนสาธารณะ ตำบลปากแพรกอำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2550 นางสาวนุสรา ก้อนเจริญ หรือนุส และนายเชาว์ มาขุนทดรู้ว่านายธีรศักดิ์ ธีระชิต ผู้ตาย สวมพระเครื่องที่มีมูลค่าสูงจึงได้ทำการวางแผนปล้นด้วยการติดต่อว่าจะขอเช่าพระเครื่องในราคา 8 ล้านบาท โดยวันเกิดเหตุ น.ส.นุสรา และนายเชาวน์ ร่วมกับนายธานี ยอดกลิ่น หรือยอด เข้าไปที่บ้านพักของนายธีระศักดิ์ ในซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 41 (ศรีตะบันต์) ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทำทีขอเช่าพระเครื่อง ก่อนใช้ค้อนทุบศีรษะของนายธีรศักดิ์ จนเสียชีวิต เป็นจังหวะเดียวกับที่นางรัชนี ธีรชิต แม่ของผู้ตายเข้ามาเห็น จึงถูกฆ่าอีก 1 ศพ ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เป็นแม่และพี่ชายของนายอานันท์ ธีระชิต อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครองอุดรธานี จากนั้นทั้งหมดร่วมกันนำศพผู้เสียชีวิตขึ้นรถตู้ที่มีนายสันติ จำนงค์ผล หรือใหม่ เป็นคนขับ และนายประวิท เกียรติสกุล หรือต่อ นั่งรออยู่ในรถ ก่อนนำศพไปที่วัดใหม่หนองโสน จังหวัดชัยภูมิ เพื่อเผาอำพราง โดยว่าจ้างนายบุญส่ง สิงห์ครอง ผู้ต้องหาที่ 6 ซึ่งเป็นสัปเหร่อ ให้นำศพไปเผา ต่อมาตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 3, 4 และ 6 ได้แล้ว
ด้านนายประวิท กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนฆ่าและไม่ได้มีส่วนข้องกับเรื่องนี้ เพียงแต่ในวันเกิดเหตุตนขอติดรถไปเที่ยว แต่เมื่อขึ้นรถมาก็พบว่ามีศพอยู่แล้ว
รอง ผบช.ภ.1 กล่าวอีกว่า สำหรับ น.ส.นุสรา ผู้ต้องหาที่ 1 เสียชีวิตไปเมื่อปี 2562 ขณะนี้เหลือเพียงนายเชาว์ ผู้ต้องหาที่ 2 ที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งไล่ล่าติดตามนำตัวมาดำเนินคดีภายในระยะเวลา 7 ปี ตามอายุความ พร้อมฝากไปยังประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีและเกิดปัญหาการว่างงาน ขอให้เข้าปรึกษากับหน่วยงานราชการเพื่อหางานทำแทนการปล้นหรือกระทำผิดกฎหมาย