วันที่ (1 ธ.ค.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อข้อกังวลวิกฤตภาษามาลายู ในจังหวัดชายแดนใต้ ของตัวแทนภาคประชาสังคม ณ เวทีสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่ เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและส่งเสริมอัตลักษณ์วัฒนธรรม และภาษาท้องถิ่นเป็นเวลาหลายปีแล้ว
โดยให้การสนับสนุนงบประมาณ โรงเรียนตาดีกา สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ซึ่งทั้งสามสถาบันนี้เป็นแหล่งให้ความรู้ทางด้านศาสนาและภาษาแก่ เยาวชนมุสลิมในพื้นที่ โดยเฉพาะโรงเรียนตาดีกาที่ตั้งอยู่ในชุมชน ซึ่งเด็กระดับประถมจะไปเรียน ในวันเสาร์ – อาทิตย์
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการไม่ใช้ภาษามาลายูเป็นชื่อสถานที่ น.ส.รัชดา ชี้แจงว่า ชื่อหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว หากมีชื่อเรียกภาษามาลายูอยู่ก่อนแล้ว ชื่อนั้นก็ยังใช้อยู่ทุกวันนี้ เช่น บ้านตะบิงติงงี บ้านคาแวะ ต.กาบัง ต.สะเอะ อ.เจาะไอร้อง อ.ระแงะ หาดตะโล๊ะสะมีแล หาดตะโละกาโปร์ ดังนั้น ขอให้ประชาชนและนานาชาติมั่นใจต่อนโยบายของรัฐบาลที่เคารพในเสรีภาพ ในการนับถือศาสนาของคนทุกกลุ่ม และส่งเสริมอัตลักษณ์และวัฒนธรรมอันหลากหลาย
“การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นั่นคือ หัวใจของสันติภาพอย่างแท้จริง และขอให้ประชาชนพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ที่เผยแพร่ด้วยความหนักแน่น อย่าตกเป็นเครื่องมือการสร้างความเกลียดชัง เพราะกระแสจากภายนอกจะกระทบวิถีชีวิตคนในพื้นที่และอาจขยายวงไปสู่ประเด็นอื่น วันนี้คนไทยพุทธและไทยมุสลิมไม่ได้มีความขัดแย้งต่อกัน และประเทศไทยไม่มีความขัดแย้งทางศาสนาหรือวัฒนธรรมแต่อย่างใด” น.ส.รัชดา กล่าว