เพจ แหม่มโพธิ์ดำ โพสต์ แจ้งประชาชนผู้เดือดร้อน จากผลกระทบ โควิด19 เตรียมลงทะเบียน เพื่อรับของเยียวยาเพื่อช่วยกันก้าวผ่านวิกฤตโควิดนี้ มูลค่ากว่าล้านบาท โดยพร้อมส่งตรงถึงบ้านคนที่มาลงทะเบียน และไปช่วยมูลนิธิต่างๆจนเดือนกรกฎาคม นี้
โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้
“สวัสดีมึง
กูเขียนบทความทักทายนี้ระหว่างที่ปิดเพจ จะได้เขียนแบบเงียบๆ ไม่มีแรงความคาดหวังหรือกดดันอะไร ได้ทบทวนเรื่องราวของพวกเราและบรรยากาศในแหม่มโพธิ์ดำ ว่าควบคุมได้แค่ไหน และจะไปในทิศทางใดในอนาคต
ลูกเพจหลายคนอาจจะเบื่อๆ เซ็งๆ ที่ความคิดเห็นที่เคยสนุกสนานในเพจ ช่วงนี้กลับเต็มไปด้วยคำร้องขอ ข้าวสารอาหารแห้งหรือฝากร้าน ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนกูแบนเรียบแถมด่าเข้าให้ แต่อยากให้เข้าใจ ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ กูเลยไม่เคร่งเหมือนสมัยก่อน มากสุดก็แค่ซ่อนความคิดเห็นไม่ให้รกตา ถึงกูจะไม่เคยจนแบบไม่มีจะกิน แต่กูรู้ดี ความจนมันน่ากลัว ยิ่งจนแบบหมดหนทาง แบบมองไม่เห็นอนาคตของตนเอง ช่วงนี้กูเลยผ่อนผันให้ ถ้าลูกเพจเจอใครทำผิดกติกา อยากให้แนะนำแบบพูดจากันดีๆ หรือมองผ่านไปเลยนะ ถ้าเขามาดี ไม่ถ่อย ไม่งอแง อย่าถือสา แต่ถ้ามากวนส้นตีน กูอนุมัติให้จัดเต็มตามสบาย เพจนี้ไม่เจรจากับโจรและคนสันดานเสีย อย่ามาหวังแบบตบหน้าซ้ายกูจะยื่นหน้าขวาให้ตบ เพจนี้กระทืบกลับเท่านั้น
ช่วงที่ปิดไป กูน่ะได้พัก แต่ก็ยังใช้สมอง จัดการเรื่องกล่องปันน้ำใจ และถุงต่างๆ ตัวกูไม่เหนื่อยเท่าทีมงานฝ่ายจัดส่งและแบกหาม กูใช้แต่คอนเนคชั่นเก่าๆ ในการเป็น Hub รับความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย จนตอนนี้นับดูแบบกลมๆ จัดส่งไปแล้วช่วยไปแล้วราวสองพันกล่อง และลงพื้นที่ช่วยไปอีกหลายพันครอบครัว แต่ละกล่องก็อย่างที่เห็น ชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มีทั้งเงินของทางเพจเอง และของจากสปอนเซอร์ใจดี รวมกันน่าจะของมูลค่ากว่าล้านบาทแล้ว ส่งตรงถึงบ้านคนที่มาลงทะเบียน ทั้งไปช่วยมูลนิธิต่างด้วย ยังลุยต่อจนเดือนกรกฎาคม
ที่จัดใหญ่ จัดเต็มได้ทุกครั้ง ก็เพราะความเชื่อใจจากทุกฝ่าย ที่เปลี่ยนคำร้องขอด้วยน้ำตาของคนสิ้นหวัง กลายเป็นความอิ่มท้องและคำขอบคุณ งานมันเดิน ผลงานมันชัดแจ้ง ถึงได้ยืนหยัดแบบแข็งแกร่งบ้าง เซตูดปัดตูดเป๋ไปบ้างในวันงอแง แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์แหละ ว่าทีมงานเพจนี้ช่วยจริง ทำจริงแค่ไหน อยากเห็นคนไทยยิ้มได้ ทีมงานก็ยอมเหนื่อยและจะทำแบบนี้จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง
เพราะพวกกูเชื่อว่า คนเราเท่าเทียม ต่างกันก็แค่โอกาสและวาสนา ถ้าเราอยู่ในจุดที่มีมากกว่า และเลือกที่จะแบ่งปันให้กับคนที่มีน้อยกว่า ก็จะลดช่องความของความเหลื่อมล้ำ หรือที่หลายคนอาจเรียกมันว่าน้ำใจ กูมองว่าโลกมันจะดีได้ ถ้าคิดจะผ่านทุกวิกฤตด้วยคำว่า “เรา’’ มากกว่าคำว่า ‘’กู’’ หรือ ‘’มึง’’ ถ้าร่วมมือกัน ไม่ว่าปัญหาอะไร พวกเราก็จะผ่านไปได้ ว่าไหม รตน”