CPTPP นาย มานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ร่วมอภิปรายในญัตติด่วนเรื่อง ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา
“ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบหากรัฐบาลจะอนุมัติลงนามในข้อตกลง CPTPP หรือความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” โดยระบุตอนหนึ่งว่า ตนจะพูดในฐานะที่อยู่ในป่าและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศไทยอยู่ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในระดับต้นๆ ของโลก สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนทางทรัพยากรที่ประเทศไทยมีอยู่ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ประเทศที่จะทำข้อตกลงกับเรานั้นสนใจ
ซึ่งล้วนเป็นสมบัติของชาติ และกระจายไปอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทั้งนี้ การตกลงสิทธิผูกขาดเรื่องพันธุ์พืชนั้นเป็นปัญหาใหญ่ ถ้าเราไม่พิจารณาอย่างรอบคอบ ให้มีความรู้มีความเข้าใจ จะเกิดความเสียหายต่อทัพยากรในประเทศเป็นอย่างมาก วันนี้ เรายังมีพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามชนบท ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รักษาเมล็ดพันธุ์ และเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ถือว่าบริสุทธิ์ทนทานต่อโรค เพราะฉะนั้น โจทย์สำคัญอยู่ที่ว่า อธิปไตยทางอาหารและความหลากหลายทางชีวภาพจะตกไปอยู่ในมือของใคร
“ประเทศไทยอาจไม่มีอาวุธที่ล้ำหน้าไปสู้กับประเทศมหาอำนาจ แต่ประเทศไทยมีอาหาร พี่น้องประชาชนมีกระบวนการรักษาวัฒนธรรมทางอาหาร การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ของพี่น้องประชาชนก็เช่นเดียวกัน ซึ่งปรับปรุงพืชพันธุ์ขึ้นนั้นจะเปลี่ยนไปตามภูมิอากาศและภูมิประเทศ เราจำเป็นที่จะต้องรักษา และคุ้มครองเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ เราจะทำอย่างไรที่จะให้อำนาจในการตัดสินใจ และในการคุ้มครองเมล็ดพันธุ์ตรงนี้ยังอยู่ในประเทศไทย” มานพกล่าว
มานพกล่าวอีกว่า คนที่ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชนหรือนักวิทยาศาสตร์นั้น ถามว่าเอาเมล็ดพันธุ์ที่ไหนไปปรับปรุง ถ้าไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ที่มาจากพี่น้องประชาชน แล้วไปปรับปรุงพันธุ์และตั้งชื่อใหม่ ดังนั้น จึงเห็นควรว่าควรจะมีการคุ้มครองเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ เราควรจะต้องทำให้เมล็ดพันธุ์ ที่มีคุณค่าเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติ กระบวนการการเข้าไปเซ็นสัญญาและทำข้อตกลงในเรื่องนี้
ตนคิดว่ามีความสุ่มเสี่ยง ที่จะไม่สามารถคุ้มครองพันธุ์พืชที่เป็นสมบัติของชาติและภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนได้ ดังนั้น หากเราจะทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการรักษาและมีความมั่นคงทางเมล็ดพันธุ์พืช จะต้องมีนวัตกรรมที่จะพัฒนาเพื่อการค้า แล้วตนเชื่อว่าประเทศไทยสามารถจะเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ของโลกได้ และสุดท้าย คำถามคือพัฒนาแล้วเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นจะอยู่ในมือของใคร เพราะเราเพียงต้องการความมั่นคงของชีวิตในอนาคต หาใช่ความมั่งคั่งของผู้ค้ากำไร”