นมตรามะลิ ร้องกองปราบ เอาผิดเพจเฟซบุ๊ก โพสต์ข้อมูลบิดเบือน มุ่งโจมตี สินค้าไม่ได้คุณภาพ อ้างตรวจพบเจอสารกันบูด เชื่อทำเป็นขบวนการ
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางสุดถนอม กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการบริษัทมะลิกรุ๊ป 1962 จํากัด หรือ “นมข้นตรามะลิ” พร้อมนายอิษวัต สุจิมนัสกุล ที่ปรึกษาบริษัทเดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ชลิต ทิพย์ธำรง รอง ผกก.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเพจเฟซบุ๊กรายหนึ่ง
โดยแฟนเพจเฟสบุ๊กดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความโจมตีสินค้านมตรามะลิ ใจความระบุว่า ตรวจพบกรดเบนโซอิกในปริมาณน้อยกว่า 30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งสอดคล้องกับผลตรวจของสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา ที่ตรวจพบกรดเบนโซอิก ในนมข้นหวาน “ตรามะลิ” แบบหลอดในปริมาณน้อยกว่า 20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม พร้อมแนบเอกสารผลตรวจผลิตภัณฑ์ประกอบ โดยเรียกร้องให้ระงับการผลิต และการวางจำหน่ายชั่วคราว หรือเก็บคืนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของนมตรามะลิ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
นายอิษวัต กล่าวเล่าเหตุการณ์ดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์นมตรามะลิได้ถูกเพจเฟซบุ๊กดังพยายามโจมตีดิสเครดิตด้วยการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิ โดยเพจดังกล่าวอ้างว่านมตรามะลิไม่ได้คุณภาพมีแบคทีเรียและสารกันบูดปนเปื้อน ซึ่งไม่เป็นความจริง
นอกจากนี้เพจดังกล่าวยังได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ให้เข้ามาตรวจคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ซึ่งเมื่อหน่วยงานต่างๆเข้ามาตรวจสอบก็ไม่พบความผิดปกติตามที่เพจกล่าวอ้างแต่อย่างใด ซึ่งทาง อย. เองยังมีการออกหนังสือยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิว่าเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน GMP ตามกฎหมาย ไม่พบกรดเบนโซอิก ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
นายอิษวัต กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปร้องทุกข์ต่อ บก.ปอท.ให้ช่วยสืบสวนเบื้องต้นแล้ว เบื้องต้นพอจะระบุตัวกลุ่มคนผู้ไม่หวังดีแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ขอให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน และเพื่อให้คดีดังกล่าวคืบหน้ามากที่สุดจึงได้มาร้องทุกข์ยังกองปราบช่วยตรวจสอบอีกทาง ทั้งนี้ ตนยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งหลายว่าให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสียด้านพนักงานสอบสวนกองปราบเบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนส่งเรื่องต่อยังผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป