กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันการฉีดวัคซีนของไทย ไม่ได้ล่าช้าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ฉีดแล้ว 618,583 รายเข็ม ย้ำเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
วันนี้ 19 เมษายน นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,390 รายมาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 1,058 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 326 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 104 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ทำให้การการระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน มีผู้ติดเชื้อสะสม 14,878 ราย หายป่วยแล้ว 1,361 ราย และเสียชีวิตสะสม 10 ราย ทั้งนี้ การติดเชื้อระลอกแรกเดือนมกราคม – ธันวาคม 2563 ระยะเวลา 11 เดือนครึ่ง มีการติดเชื้อ 4,237 ราย ส่วนระลอกเดือนธันวาคม 2563 ประมาณ 3 เดือนครึ่ง มีผู้ติดเชื้อ 24,626 ราย สูงขึ้น 6 เท่าจากระลอกแรก
ขณะที่ระลอกเดือนเมษายน 2564 เพียง 3 สัปดาห์ มีผู้ติดเชื้อ 14,851 ราย สูงกว่าการระบาดระลอกแรก 3 เท่า สาเหตุส่วนใหญ่จากสถานบันเทิง ไปสู่บ้าน ที่ทำงาน และกระจายในทุกจังหวัด
สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนสะสมวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 18 เมษายน 2564 รวม 618,583 ราย เป็นผู้ได้รับเข็มแรก 535,925 ราย และได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 82,658 ราย โดยการฉีดวัคซีนไม่ได้ล่าช้า มีการบริหารจัดการเป็นไปตามแผน
นอกจากนี้ในระยะที่พบการระบาดในจังหวัดสมุทรสาคร ยังได้จัดหาวัคซีนมาเพิ่มเพื่อใช้ในสถานการณ์เร่งด่วน ได้แก่ วัคซีนของซิโนแวค 2 ล้านโดส ทยอยส่งมา 2 แสนโดส และ 8 แสนโดส ซึ่งฉีดครบภายในเดือนมีนาคม
ส่วนอีก 1 ล้านโดสได้รับเมื่อวันที่ 10 เมษายน กระจายไปจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เน้นฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงฉีดบุคลากรภาครัฐด่านหน้า ประชาชนที่มีโรคประจำตัว และสำรองใช้ควบคุมการระบาด ทั้งนี้ระยะต่อไปประชาชนจะได้รับวัคซีนหลักคือแอสตร้าเซนเนก้าในเดือนมิถุนายนต่อไป
ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข